เปิดคลิปเบื้องหลัง "รัฐบาลถกเอกชน" ทุบกำแพงข้อจำกัด ช่วยจัดหา-กระจายวัคซีน

28 เม.ย. 2564 | 11:14 น.
อัปเดตล่าสุด :15 มิ.ย. 2564 | 12:12 น.

เผยคลิปบรรยากาศ และผลการประชุมระหว่างรัฐบาลกับผู้แทนภาคเอกชน ร่วมมือจัดหาวัคซีนและกระจายวัคซีน 

วันที่ 28 เมษายน 2564 พลอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและเอกชน ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

เปิดคลิปเบื้องหลัง \"รัฐบาลถกเอกชน\" ทุบกำแพงข้อจำกัด ช่วยจัดหา-กระจายวัคซีน

"ฐานเศรษฐกิจ" ตรวจสอบผลการประชุมพบรายละเอียดดังนี้

นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) จัดการประชุมหารือแนวทางความร่วมมือ ครั้งนี้ โดยนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ เรื่อง “แนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีน ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (กกร.)” ดังนี้

“ด้านการกระจายและฉีดวัคซีน”

เห็นชอบแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการกระจายและฉีดวัคซีนของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สำหรับต่างจังหวัดให้ผ่านกลไก กรอ. กลุ่มจังหวัดและระดับจังหวัด และให้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รับไปพิจารณา

เร่งรัดจัดทำแผนการจัดหาและการกระจายวัคซีน และพิจารณารายละเอียดของต้นแบบ (Model) การกระจายฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยให้ความสำคัญกับความพร้อมของสถานที่ บุคลากร อุปกรณ์ทางการแพทย์ และคำนึงถึงมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การกระจายการให้บริการเป็นไปอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว 

ด้านการสร้างความเชื่อมั่นและประชาสัมพันธ์

ให้ภาคเอกชนรับไปประสานเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับไปดาเนินการสร้างความเชื่อมั่นและประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนเพื่อลดความวิตกกังวลของประชาชน เช่น การจัดหาวัคซีนให้เพียงพอ การลงทะเบียนที่มีประสิทธิภาพ การจัดหาสถานที่ฉีดวัคซีนที่เหมาะสมการอำนวย ความสะดวกในการเดินทางในการฉีดวัคซีน และการดูแลรักษาภายหลังจากการฉีดวัคซีน พร้อมทั้งการพิจารณากำหนดผู้ประสานงานหลัก (Focal point) ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ชัดเจน และกำหนด แนวทางการประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ของวัคซีนอย่างถูกต้องในรูปแบบ Single Message เพื่อให้การสื่อสารเป็นเอกภาพ

“ด้านการสนับสนุนระบบอานวยความสะดวกระบบงานต่าง ๆ”

ให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) ร่วมกับภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับไปพิจารณาระบบการลงทะเบียนและการติดตามผู้ฉีดวัคซีนของภาคเอกชนให้เชื่อมโยงกับระบบของธนาคารกรุงไทยอย่างมีเอกภาพโดยตรง และให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานดูแลการลงทะเบียนใน 5 กลุ่มเป้าหมายหลัก ประกอบด้วย 

  1. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั้งภาครัฐและเอกชน 
  2. เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เช่น ทหาร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 
  3. ประชาชนที่มีโรคประจำตัว 
  4. ประชาชนสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 
  5. ประชาชนในพื้นที่ระบาดผ่านแอพลิเคชัน “หมอพร้อม” ต่อไป 

“ด้านการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม”

ให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) รับไปพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป 

ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน

ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) ร่วมกับเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดาเนินจัดทาแผนการบริหารจัดหาวัคซีนและกระจายวัคซีนให้เป็นระบบและเกิดผลเป็นรูปธรรม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :