รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (นิธิพัฒน์ เจียรกุล) โดยมีข้อความว่า
การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในกทม.ในช่วงนี้เป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก
1. มีสัดส่วนผู้ป่วยในชุมชนที่สูงอายุและมีโรคเรื้อรังมากขึ้น ทำให้อาจมีโควิดรุนแรงง่าย โรงพยาบาลสนามต้องเตรียมศักยภาพเผชิญปัญหาทางการแพทย์ที่นอกเหนือความคาดหมาย ปกติเราจะเลือกคนอายุน้อย ไม่มีโรคเรื้อรัง และไม่มีปอดอักเสบโควิด มาไว้รพ.สนาม
2. ภูมิหลังจากเศรษฐฐานะและพื้นหลังทางสังคมที่หลากหลาย จัดระเบียบได้ยาก เอาใจยาก
3. คุ้นเคยกับการเป็นกระบอกเสียง มากกว่าการเป็นเครื่องช่วยฟัง คนบริหารจัดการคงต้องหนักใจ
วันนี้ไปดูสถานที่จัดตั้งรพ.เอราวัณ 3 ที่จะคิกออฟเร็วๆ นี้ ได้ให้ข้อคิดเห็นทั้งต่อฝ่ายบริหาร/นโยบาย และฝ่ายปฏิบัติการ รู้สึกได้ถึงความกระตือรือร้นเอาการเอางาน แต่อีกด้านยังมีความไม่เนียนเรียบอยู่ระหว่างสองฝ่ายข้างต้น
ผู้ใหญ่คงต้องรับฟังอย่างใส่ใจและร่วมหาจุดร่วมการปฏิบัติงานกับหมอพยาบาลรุ่นใหม่และรุ่นกลางในรูป ข้ออ้างช่องว่างระหว่างวัยและระหว่างยุคสมัยต้องช่วยกันถม ผมเองวันนี้อายุ 60 ปี 8 วัน ยังต้องทำงานและเรียนรู้ไปกับคนรุ่นใหม่อยู่ตลอดเวลา บางครั้งฟังไม่รู้เรื่องโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีแต่ก็แสร้งทำเออออส่งไปก่อน (กลัวเสียหน้า) แล้วค่อยมาตามเก็บรายละเอียดทีหลังแม้มันมักจะเก็บไม่ค่อยได้ถึงได้ก็อยู่ไม่นาน อย่างไรเสียคนรุ่นนี้ต่อไปเขาก็จะเป็นผู้รับผิดชอบสังคม ที่สำคัญอีกไม่นานเขาก็จะโดนรุกไล่จากคนรุ่นใหม่กว่า เหมือนกับคนรุ่นผมกำลังโดนปฏิบัติอยู่ขณะนี้ เอาใจช่วยให้ภาระกิจรพ.สนามแห่งนี้ลุล่วงไปด้วยดี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนสกัดกั้นโควิดในเมืองหลวงให้อยู่หมัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :