เปิดตัว "มังกร สาละวิน" ผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยง KNDO มั่นใจจะล้มล้างรัฐบาลทหารเมียนมาได้ ยืนยันกองทัพกะเหรี่ยงจะชนะ ถ้าใจยังสู้ และขอบคุณรัฐบาลไทย ดูแลปกป้องผู้อพยพอย่างดี
พล.ต. เนอดา โบ เมียะ "มังกร สาละวิน" หรือ มังกรแห่งลุ่มน้ำสาละวิน บุตรชายนายพลโบเมียะ อดีตประธานาธิบดีสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ KNU ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์กะเหรี่ยงแห่งชาติ (Karen National Defense Organization) หรือ KNDO ซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่ง ของสหภาพกะเหรี่ยงแห่งชาติ กล่าวถึงการสู้รบที่เกิดขี้นตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้านตรงข้ามอ.แม่สะเรียง-อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะที่ฐานด๊ากวิน ของเมียนมาในชณะนี้ว่า การสู้รบจะยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขอให้ผู้อพยพทั้งที่อยู่ฝั่งไทยและที่เมียนมา อดทนและใจเย็น ๆ อีกนิด โดยทหารกะเหรี่ยงจะพยายามทำให้การสู้รบครั้งนี้สิ้นสุดให้เร็วที่สุด
ทหารกะเหรี่ยงจะร่วมมือกับชนชาวกะเหรี่ยง และร่วมมือร่วมใจกับพันธมิตรกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ รวมพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่อสู้เพื่อล้มล้างอำนาจการปกครองของเผด็จการทหารในเมียนมา พวกเรามั่นใจว่าเราจะชนะเผด็จการเมียนมา ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นทหารกะเหรี่ยงจะไม่มีวันยอมแพ้ เราจะต้องชนะ พวกเราต่อสู้ในวันนี้เพื่อชัยชนะต่อกลุ่มเผด็จการทหารเมีบนมา ถ้าใจเรายังสู้เราจะไม่มีวันพ่ายแพ้
พล.ต.เนอดา เมียะ "มังกร สาละวิน" ยังกล่าวด้วยว่า การโจมตีทางอากาศของเมียนมาไม่ได้ผล เพราะไม่สามารถทำอันตรายทหารกะเหรี่ยได้ และที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องขอโทษฝ่ายไทย ที่ทำให้ฝั่งไทยต้องได้รับผลกระทบจากการที่ทหารกะเหรี่ยงได้ต่อสู้กับเผด็จการทหารเมียนมา และที่สำคัญอีกอย่างคือ เราต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยอย่างมาก ที่ให้การปกป้องดูแลผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง ที่หนีภัยสงครามไปอาศัยอยู่ฝั่งไทยเป็นการชั่วคราวในเวลานี้
ขณะที่สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูง ของกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ KNU ให้ข้อมูลว่า การสู้รบระหว่างทหารกะเหรี่ยง KNU กับทหารเมียนมา ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยทางกองกำลังกะเหรี่ยง KNU ได้ทุ่มกำลังเพื่อยึดฐานด๊ากวินของทหารเมียนม่า พิกัด LV 611998 ให้ได้ ซึ่งฐานฯดังกล่าวอยู่ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง หมู่ 7 ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ห่างบ้านท่าตาฝั่ง ริมแม่น้ำสาละวิน ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1,200 เมตร
แหล่งข่าว จากฝ่าย KNU ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทางกองกำลัง เคเอ็นยู ฟากการเมือง ได้ใช้หน่วยรบ KNLA หรือกองกำลังกะเหรี่ยงปลดปล่อยเพื่อเสรีภาพ ทุ่มกำลังกว่า 5 กองร้อย ในการเข้าโจมตีฐานที่มั่นของทหารเมียนมาที่ฐานฯด๊ากวิน แต่พบการต้านทานอย่างเหนียวแน่น แต่ก็คิดว่าอีกไม่นานจะสามารถยึดได้ เนื่องจากทหารเมียนมากำลังเสียขวัญกำลังใจ และการขาดส่งเสบียงบำรุงกำลัง รวมไปถึงอาวุธและกระสุนในการสู้รบ เหตุที่การรบยืดเยื้อ เนื่องจากทางฝ่ายเมียนมา ใช้กำลังทางอากาศยานมาสนับสนุนเมื่อถูกโจมตี แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งทหารกะเหรี่ยงได้แต่อย่างใด
หลังทหารกะเหรี่ยง KNU ยังคงพยายามทุ่มกำลังเพื่อยึดฐานด๊ากวินของเมียนมาให้ได้ ขณะที่เมียนมาเริ่มเพลี่ยงพล้ำและร้องขอการสนับสนุนกำลังทหารอากาศ แต่ยังไม่สามารถขับไล่ทหารกะเหรี่ยงที่ปิดล้อมและเกาะติด ฐานด๊ากวิน ออกไปได้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 เมษายน จนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ทหารเมียนมาได้ใช้เครื่องบินขับไล่โจมตี รุ่น MIG 29 และ เฮลิคอปเตอร์โจมตี รุ่น Mi 35 P ทำการโจมตีทหารกะเหรี่ยง ที่เกาะติดฐานด๊ากวิน และหน่วยสนับสนุนของทหารกะเหรี่ยง ที่เดินทางจากฐานตาหล่อซอ ขณะผ่านด้านหลังฐานซอเลท่า ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ ไปยังฐานด๊ากวิน ได้ถูกเครื่องบินทหารเมียนมาตรวจพบ และมีการใช้อาวุธโจมตี แต่ไม่สามารถยับยั้งทหารกะเหรี่ยงได้ ล่าสุดหน่วยทหารดังกล่าวได้เดินทางไปถึง ฐานด๊ากวินของเมียนมา เพื่อเตรียมปฏิบัติการยึดฐานด๊ากวิน
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ใกล้กับฐานด๊ากวิน ของทหารเมียนมา ทำให้มีราษฎรกะเหรี่ยง ที่อาศัยอยู่ใกล้ฐานดาข่วยของเมียนมา ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีทางอากาศ และถูกส่งมารักษาตัวในไทย โดยเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2564 นายลาทู อายุ 25 ปี ราษฎรชาวกะเหรี่ยงใกล้ฐานดาข่วย ได้เดินทางเข้ามารับการรักษาตัวที่ รพ.สบเมย หลังได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีทางอากาศของทหารเมียนมา เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา
ทางด้านสาธารณรัฐแห่งสหภาพแห่งประเทศเมียนมา สำนักงานกองบัญชาการทหารสูงสุด ประกาศยุติการสู้รบ และสันติภาพถาวร ลงนามเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 โดยระบุว่าทางกองทัพทหารเมียนมาได้ประกาศขยายเวลายุติความเคลื่อนไหวด้านการทหาร จากเดิม 1-30 เม.ย. 2564 เป็น 1-31 พ.ค. 2564 และกำหนดแนวทาง/แผนการปฏิบัติงาน ของคณะกรรมการบริหารประเทศ(SAC) รวมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เพื่อให้สามารถจัดการประชุมเจรจาสันติภาพ
ทั้งนี้ เพื่อให้กลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธที่ลงนามในสัญญาตกลงยุติการสู้รบทั่วประเทศ ( NCA ) แล้วทำให้การยุติสู้รบมีความมั่นคงเข้มแข็งมากขึ้น ให้สามารถเปิดเจรจากลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ ที่ยังไม่ได้ลงนามสัญญายุติการสู้รบ ให้สามารถลงนามต่อไป จนกว่าจะสามารถเจรจาสันติภาพถาวรประสบผลสำเร็จ ในห้วงเวลาที่กองทัพประกาศยุติการเคลื่อนไหวทางด้านการทหาร