นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบุคคลและความยั่งยืน โลตัส เปิดเผยว่า โลตัส สนับสนุนผู้ประกอบการ SME ผ่านการเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าและการยกระดับมาตรฐานการผลิตของสินค้าไทย อย่างไรก็ดีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจรวมถึงธุรกิจ SME
โลตัสจึงร่วมมือกับ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) และ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ทุกเดือน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME ที่มีศักยภาพ ได้เจรจาทางการค้าโดยตรงกับทีมงานฝ่ายพาณิชย์ของโลตัส
เพื่อคัดเลือกสินค้าในทุกหมวดหมู่ จำหน่ายในช่องทางของโลตัสทั้งสาขาทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์ โลตัส มีแผนงานที่ชัดเจนในการเพิ่มปริมาณการรับซื้อสินค้าเกษตรและสินค้า SME อย่างน้อย 10% ทุกปีเป็นระยะเวลา 5 ปี รวมถึงการเปิดช่องทางบนเว็บไซต์ให้ผู้ประกอบการ SME สามารถนำเสนอสินค้าได้สะดวกขึ้น
โดยการจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ทุกเดือน จะจัดขึ้นครั้งแรกผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนั้นบริษัทยังได้ปรับปรุงกระบวนการการจัดจำหน่ายสินค้า SME ให้กระชับและรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME สามารถกระจายสินค้าผ่านโลตัสและมียอดขายเร็วขึ้นกว่าเดิม
นอกเหนือจากการเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าแล้ว โลตัสยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของ SME ในฐานะคู่ค้า ให้สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และการผลิต ตามหลักสากล เพื่อทำให้สินค้า SME ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มขีดสามารถการแข่งขันทั้งในประเทศและในตลาดต่างประเทศ
นอกจากนั้น สสว. และ SME D Bank ยังมีส่วนร่วมในการให้คำแนะนำผู้ประกอบการเกี่ยวกับการสนับสนุนจากทางภาครัฐและเงินทุน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการ SME สามารถฝ่าวิกฤติโควิด-19 และเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ด้านนายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่นนี้ ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์ และเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ และหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพก็คือการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เช่น การใช้แพลตฟอร์ม หรืออาจจะมีพันธมิตรการค้าใหม่
“วันนี้โลตัสได้เปิดโอกาสทางธุรกิจนั้นให้กับผู้ประกอบการได้ร่วมเป็นคู่ค้า ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์ม หรือพันธมิตรการค้าที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการในการกระจายสินค้าไปสู่มือผู้บริโภคทั่วประเทศ”
ความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการแล้ว ยังเป็นการเติมเต็มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของ สสว. ในการเจาะตลาดโมเดิร์นเทรดอย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย เนื่องจากจำนวนสาขาของโลตัสที่มีมากกว่า 2,000 สาขา บวกกับสินค้าของผู้ประกอบการที่มีหลากหลาย
ทั้งนี้มีสินค้าของผู้ประกอบการถึง 350 ราย จาก 7 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มอาหารแห้ง กลุ่มอาหารสดหรืออาหารพร้อมรับประทาน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป กลุ่มอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ (เครื่องใช้ภายในบ้าน) กลุ่มอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ (สินค้าอิเล็กทรอนิกส์) กลุ่มเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องใช้ภายในบ้าน กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้าง
อาจรวมถึงสินค้าจากชุมชน จะได้มีโอกาสจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์กับโลตัส สิ่งเหล่านี้จะเป็นการขยายช่องทางการค้าของผู้ประกอบการให้เติบโตและเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติโควิด โดยช่องทางการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการ อาจเป็นที่โลตัสทั่วประเทศ หรือตามความเหมาะสมตามความต้องการของตลาดและผู้ประกอบการ
นอกเหนือจากความร่วมมือในวันนี้ สสว. ยังมีการช่วยเหลือด้านอื่นๆ ให้กับผู้ประกอบการ ทั้งการสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ และการขึ้นทะเบียนจัดซื้อจัดจ้างจากภาครัฐ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในการถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี
นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยอย่างรุนแรง ความร่วมมือครั้งนี้มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขยายช่องทางตลาดผ่านเครือข่ายของโลตัส ซึ่งมีศักยภาพการตลาดสูง ช่วยให้สินค้าเอสเอ็มอีทั่วประเทศ สามารถส่งตรงถึงมือผู้บริโภค
ช่วยเพิ่มรายได้ เพิ่มยอดขาย ควบคู่กับ SME D Bank จัดเตรียมบริการทางการเงินไว้รองรับ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ช่วยประคอง หรือฟื้นฟูธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวผ่านสถานการณ์โควิด-19 ไปได้ด้วยดี เช่น สินเชื่อฟื้นฟู กู้ได้ทั้งลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 2% ต่อปี ใน 2 ปีแรก โดยตลอด 5 ปีแรก เฉลี่ยไม่เกิน 5% ต่อปี พร้อมทั้งได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือน ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี
สินเชื่อรายเล็ก Extra Cash อัตราดอกเบี้ยต่ำ 3% ต่อปี ใน 2 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท ผ่อนชำระนานสูงสุด 5 ปี ที่สำคัญไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และ สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น นิติบุคคล 2.875% ต่อปีใน 3 ปีแรก และบุคคลธรรมดา 4.875% ต่อปีใน 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท เป็นต้น
ผู้ที่สนใจติดต่อได้ที่สาขา SME D Bank ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ เช่น LINE Official Account : @SMEDevelopmentBank , เว็บไซต์ธนาคาร https://www.smebank.co.th/ และผ่านแอปพลิเคชัน “SME D Bank” ดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :