"หมอมนูญ" แนะ รัฐฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นหลักเหมือนอังกฤษ ประหยัดงบ-เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เร็วขึ้น

09 พ.ค. 2564 | 01:45 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ค. 2564 | 08:47 น.

“หมอมนูญ” ชี้ การให้วัคซีนต้านโควิดต้องแข่งกับเวลา ระบุ โควิดในไทยสายพันธุ์อังกฤษ แนะ รัฐปูพรมฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเป็นหลักเหมือนอังกฤษ ประหยัดงบ-เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เร็วขึ้น ไม่จำเป็นต้องจัดหาวัคซีน 150-200 ล้านโดสปีนี้

9 พฤษภาคม 2564 นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความ ระบุว่า วัคซีนแบบฉีดเข็มเดียวตัวที่ 2 ของโลกชื่อ สปุตนิกไลท์ ได้รับการอนุมัติจากประเทศรัสเซีย มีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 ได้ 79.4 %

วัคซีนของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นวัคซีนตัวแรกของโลกที่ได้รับการรับรองให้ฉีดเข็มเดียว มีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 ได้ 66%

วัคซีนสปุตนิกไลท์ของรัสเซีย บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันของสหรัฐอเมริกา และบริษัทแอสตร้าเซเนก้าของอังกฤษ ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน โดยอาศัยอะดีโนไวรัสเป็นพาหะนำสารพันธุกรรมที่ตัดต่อเอาเฉพาะส่วนที่จะถอดรหัสเป็นหนามของไวรัสโควิด-19 เข้าไปในเซลล์ของมนุษย์เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา

วัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซเนก้าหลังฉีดเข็มแรก 4 สัปดาห์ป้องกันโรคโควิด-19 ได้ 76% หลังให้ 2 โดสป้องกันได้ 81%

เมื่อเทียบดูประสิทธิภาพแล้ว วัคซีนแอสตร้าเซเนก้าสามารถนำมาใช้เป็นวัคซีนที่ให้เข็มเดียวจบ เหมือนกับวัคซีนของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันและสปุตนิกไลท์

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ ประเทศสหราชอาณาจักรใช้วัคซีนบริษัทแอสตร้าเซเนก้าเป็นหลัก หลังจากให้วัคซีนนี้ทุกคนเข็มแรกจำนวนคนอังกฤษติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงอย่างเห็นได้ชัด

เราควรทำตามประเทศอังกฤษ ปูพรมฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าทุกคนเข็มเดียวก่อน (คนไทยอายุ 18 ปี ขึ้นไป 57 ล้านคน แรงงานต่างด้าวและคนต่างชาติอาศัยในประเทศไทยอีก 4 ล้านคน) คนที่ได้วัคซีนบริษัทแอสตร้าเซเนก้าเข็มเดียวไม่ต้องกังวล เพราะปีหน้าจะต้องได้วัคซีนรุ่นใหม่เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันและมีประสิทธิภาพครอบคลุมสายพันธุ์ใหม่ๆที่อาจหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีนปัจจุบัน

การให้วัคซีนต้องแข่งกับเวลา ถ้าประเทศไทยใช้นโยบายฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าทุกคนเข็มเดียว นอกจากประหยัดทั้งงบประมาณในการสั่งซื้อวัคซีนแล้ว ยังช่วยทำให้คนในประเทศเกิดภูมิคุ้มกันหมู่เร็วขึ้น

ไม่จำเป็นต้องจัดหาวัคซีน 150-200 ล้านโดสปีนี้ เผื่อสำรองเก็บไว้สำหรับปีหน้า เป็นที่ทราบกันดีวัคซีนปีนี้มีประสิทธิภาพต่ำกับเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ บราซิล และอินเดียที่อาจระบาดไปทั่วโลก ประเทศไทยต้องมองไปข้างหน้าเตรียมจัดซื้อและผลิตวัคซีนรุ่นใหม่สำหรับปีต่อไปแต่เนิ่นๆ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง