นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า การดำเนินการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้โรงพยาบาลเอกชนนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมความต้องการวัคซีนจากโรงพยาบาลเอกชนต่างๆ เท่านั้น เพื่อที่ทางองค์การเภสัชกรรมจะได้ยืนยันคำสั่งซื้อแจ้งจำนวนความต้องการไปยังบริษัทผู้นำเข้าและเป็นผู้ได้รับอนุญาตทะเบียนยา
ในขณะนี้ยังไม่ได้มีการคิดเรื่องต้นทุนและราคาที่จะขาย องค์การฯ เป็นเพียงหน่วยงานอำนวยความสะดวกในการซื้อวัคซีนให้แก่โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ อาทิ ค่าจัดเก็บ ค่าจัดส่ง ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการประมาณร้อยละ 3-5 และรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7
ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมกล่าวต่อว่า องค์การฯ เป็นองค์กรภาครัฐที่ได้รับมอบหมาย ให้ดำเนินการภายใต้ข้อกำหนดของบริษัทที่ต้องบริหารจัดการและกระจายวัคซีนด้วยองค์กรภาครัฐ ซึ่งเป็นแนวทางของผู้ผลิตทั่วโลก เนื่องจากวัคซีนโควิดทุกชนิดที่ผลิตได้ในขณะนี้ สำหรับใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
โดยการดำเนินงานครั้งนี้ เป็นไปตามแนวทางการจัดซื้อวัคซีนให้โรงพยาบาลเอกชนเพิ่มเติม ซึ่งมีคณะกรรมการหลักๆอยู่ 2 คณะ ประกอบด้วย คณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กำหนดแนวทางในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 สำหรับใช้ในสถานพยาบาลของรัฐ และวัคซีนทางเลือกเพื่อนำมาให้บริการในสถานพยาบาลเอกชน เพื่อให้มีวัคซีนจากหลายบริษัท ฉีดให้กับประชาชนเพิ่มเติม
และคณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพื่อประชาชนไทย จะเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาจัดหาในรายละเอียดข้อเสนอทางเลือกเชิงนโยบาย เจรจาต่อรองกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดหาวัคซีนจากผู้ผลิตทั้งในและต่างประเทศ
“จึงขอย้ำว่า กรณีที่การเผยแพร่ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ถึงกรณีองค์การเภสัชกรรมจัดซื้อวัคซีนให้กับเอกชนและกล่าวว่าการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าวทางเอกชนจะต้องเสียภาษีถึง 2 ครั้ง และจะชาร์จค่า บริหารจัดการ 5% ถึง 10% นั้น องค์การฯ ขอชี้แจงว่าการให้ข้อมูลดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ที่ผ่านมาองค์การเภสัชกรรม ยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงตัวเลขราคาและต้นทุนต่าง ๆ กันเลย ขอยืนยันว่าการกำหนดราคาขายวัคซีนให้กับโรงพยาบาลเอกชนนั้น จะเป็นราคาที่สมเหตุสมผล เหมาะสม อย่างแน่นอน สอดคล้องกับพันธกิจขององค์การฯ” นายแพทย์วิฑูรย์กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง