Pfizer/Biontech ฉีดครบ 2 เข็มป้องกันเชื้อโควิดแบบมีอาการได้ 100% ในเด็ก 12-15 ปี

13 พ.ค. 2564 | 01:25 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ค. 2564 | 08:25 น.

หมอธีระเผยข้อมูลอัพเดท Pfizer/Biontech ฉีดครบ 2 เข็มป้องกันเชื้อโควิดแบบมีอาการได้ 100% ในเด็ก 12-15 ปี ระบุอัตราการเกิดการแพ้รุนแรงแบบ anaphylaxis แค่ 0.46 เคสต่อ 1 ล้านโดส

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า

ข้อมูลอัพเดตของวัคซีน Pfizer/Biontech ซึ่งทาง US FDA ได้อนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 (Covid-19) ในเด็กวัยรุ่นอายุ 12-15 ปีได้แล้วนั้น สามารถสรุปผลการวิจัยที่เค้านำไปพิจารณามาให้สั้นๆ ดังนี้

1.ฉีดสองเข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์เหมือนผู้ใหญ่ โดยมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการ หลังฉีดวัคซีนครบสองเข็ม ได้ถึง 100%

2.อาการไม่พึงประสงค์คล้ายคลึงกับในผู้ใหญ่

3.ไม่เจอภาวะ anaphylaxis เลยในกลุ่มเด็กอายุ 12-15 ปี และ 16-25 ปี (ข้อมูลตั้งแต่ 20 พฤศจิกายน 2563 ถึง 13 มีนาคม 2564)

นอกจากนี้ในเอกสารฉบับเต็ม ยังมีการกล่าวถึงผลการติดตามการฉีดวัคซีนนี้ในอเมริกาไปแล้วกว่า 134 ล้านโดส พบว่าล่าสุดมีอัตราการเกิดการแพ้รุนแรงแบบ anaphylaxis แค่ 0.46 เคสต่อ 1 ล้านโดสที่ฉีด เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ายินดี ที่เด็กๆ จะมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคเฉกเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ทุกวัย ซึ่งหากสามารถทำให้ทุกคนทุกเพศทุกวัยเข้าถึงได้ก็ย่อมดีมาก

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์

สถานการณ์ทั่วโลก 13 พฤษภาคม 2564... ทะลุ 161 ล้านไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 750,085 คน รวมแล้วตอนนี้ 161,052,323 คน ตายเพิ่มอีก 13,808 คน ยอดตายรวม 3,344,095 คน 5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดยังคงเป็นเช่นเดิมคือ อินเดีย บราซิล อเมริกา อาร์เจนตินา และฝรั่งเศส

อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 34,297 คน รวม 33,584,617 คน ตายเพิ่ม 808 คน ยอดเสียชีวิตรวม 597,752 คน อัตราตาย 1.8%

อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 362,406 คน รวม 23,702,832 คน ตายเพิ่ม 4,126 คน ยอดเสียชีวิตรวม 258,351 คน อัตราตาย 1.1%

บราซิล ติดเพิ่ม 74,349 คน รวม 15,359,397 คน ตายเพิ่มถึง 2,323 คน ยอดเสียชีวิตรวม 428,034 คน อัตราตาย 2.8%

ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 21,498 คน ยอดรวม 5,821,668 คน ตายเพิ่ม 184 คน ยอดเสียชีวิตรวม 107,119 คน อัตราตาย 1.8%

ตุรกี ติดเพิ่ม 13,029 คน รวม 5,072,462 คน ตายเพิ่ม 232 คน ยอดเสียชีวิตรวม 43,821 คน อัตราตาย 0.9%

อันดับ 6-10 เป็น รัสเซีย สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพัน

ดูข้อมูลการระบาดของรัสเซียแล้วค่อนข้างแปลกใจ แม้จะมีวัคซีนใช้ในประเทศมาแล้วระยะนานพอสมควร ทำให้จำนวนการติดเชื้อต่อวันลดลงไปจากพีคราว 70% แต่จำนวนการตายต่อวันลดลงไม่มากนัก ลดลงจากพีคประมาณ 30% ปัจจุบันตัวเลขติดเชื้อต่อวันอยู่แปดพันกว่า ตายสามร้อยกว่าคนต่อวัน มาอย่างต่อเนื่อง คงต้องลองติดตามดู

สำหรับสหราชอาณาจักรนั้น กดการระบาดได้ดีมาก เหตุผลหลักมาจากการ"ล็อคดาวน์"อย่างเข้มข้นและยาวนาน โดยในระหว่างนั้นก็มีการฉีดวัคซีนควบคู่ไปด้วย จะเห็นชัดเจนว่าแม้จะฉีดได้มากขึ้น กว่าเค้าจะผ่อนคลายมาตรการก็นานมาก

ดังนั้นจึงต้องเข้าใจให้ดี ไม่งั้นจะเข้าใจผิดทิศผิดทาง ตราบใดที่เกิดการระบาดมากๆ แต่ไม่หยุดการเคลื่อนไหว ไม่หยุดเจอกัน ไม่หยุดพบปะกัน การติดเชื้อก็จะกระจายไปทั่ว การวิเคราะห์และสรุปผลจึงต้องใช้วิจารณญาณและความรู้ที่ถูกต้อง

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เนปาล ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น

มาเลเซียตอนนี้ระบาดหนักมากขึ้น ติดเพิ่มถึง 4,765 คน ยอดติดเชื้อรวม 453,222 คน ระลอกสามนี้ต้องติดตามดูว่าจะสามารถยับยั้งให้น้อยกว่าระลอกสองหรือไม่ เค้าเคยติดเชื้อสูงสุด ณ วันที่ 30 มกราคม 2564 ถึง 5,728 คนต่อวัน

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง อยู่ระดับหลักร้อยถึงพันกว่า หลายประเทศกดลงมาอยู่หลักร้อย ยกเว้นลิธัวเนีย คาซักสถาน ยูเครน ที่ยังหลักพัน

แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง

เกาหลีใต้ และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน เวียดนาม และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกงติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

อีกประเทศที่น่าจับตามองคือ มัลดีฟส์ ซึ่งตอนนี้กำลังเผชิญระลอกสี่ ล่าสุดวันที่ 11 พ.ค. ติดเพิ่มไปถึง 1,501 คนในวันเดียว จำนวนติดเชื้อสูงสุดต่อวันในครั้งนี้สูงกว่าระลอกสามถึง 5 เท่า ยอดติดเชื้อรวมตอนนี้ 38,520 คน ยอดเสียชีวิตรวม 87 คน

สำหรับสถานการณ์ระบาดในไทยเรานั้น ยังคงเป็นเช่นเดิม ขอให้มีแรงกายแรงใจในการต่อสู้ สิ่งสำคัญที่ทุกคนควรทำคือ ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ออกจากบ้าน ขอให้ใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า พกเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัวไว้ล้างมือ ระวังเรื่องสุขาสาธารณะ เจอคนน้อยๆ พบกันเวลาสั้นๆ อยู่กันห่างๆ

กลับถึงบ้าน ให้อาบน้ำอาบท่าก่อน อย่าเพิ่งไปคลุกคลีคนในบ้าน หากไม่สบาย ต้องแยกตัวจากคนในบ้าน แล้วรีบไปตรวจรักษา

ด้วยรักและห่วงใย

อ้างอิง

Pfizer-BioNTech COVID-19 Vaccine EUA Amendment Review Memorandum. EUA27034 (Amendment 132). 9 April 2021.

เอกสารฉบับเต็มของ US FDA เข้าถึงได้ที่ https://www.fda.gov/media/148542/download

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :