กองกำลังติดอาวุธทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ KNU ยังคงเกาะติดฐานด๊ากวินก่อกวนทหารเมียนมาต่อเนื่อง ด้านทหารเมียนมาใช้อาวุธหนัก-โดรนป้องกันฐานเต็มที่ ท่ามกลางขีดจำกัดการส่งกำลังบำรุง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน บริเวณพื้นที่อำเภอแม่สามแลบ จังหวัดแม่ฮ่องสอน แหล่งข่าวในกองกำลังติดอาวุธสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ KNU เผยว่า ทหารของ KNU ยังคงเกาะติดฐานที่มั่น"ด๊ากวิน"ของทหารเมียนมาอย่างเหนียวแน่น
โดยใช้ยุทธวิธีหลอกล่อให้ทหารเมียนมายิงอาวุธหนักเข้าใส่ ขณะที่พลซุ่มยิงระยะไกล ( สไนเปอร์ ) ของทหารกะเหรี่ยง จะคอยเล็งยิงทหารเมียนมาที่เคลื่อนไหวออกจากที่กำบัง
ทั้งนี้ ในห้วงที่ผ่านมา ทหารเมียนมาในฐานด๊ากวิน ได้มีการใช้โดรนติดกล้องอินฟาเรด บินสังเกตการณ์รอบฐานที่มั่น และ ถูกพลซุ่มยิงระยะไกล ของทหารกะเหรี่ยง KNU ยิงโดรนตกไปแล้ว 2 ลำ
แหล่งข่าว จากสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU เปิดเผยต่อไปว่า สถานการณ์ของทหารเมียนมา ในฐานด๊ากวิน คาดว่าทหารเมียนมา ริมแม่น้ำสาละวิน สังกัดกองพันเคลื่อนที่เร็ว ที่ 340 กำลังตกอยู่ในภาวะตึงเครียดและขาดแคลนเสบียงอาหาร รวมไปถึงอาวุธและกระสุน เนื่องจากขาดการส่งกำลังบำรุง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2564 เป็นต้นมา ทหารเมียนมาได้ใช้อาวุธในการตอบโต้และป้องกันฐานที่มั่นไปแล้วจำนวนมาก ขณะที่การส่งเสบียงบำรุงกำลังและอาวุธยุทธภัณฑ์ ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากทางทหารกะเหรี่ยง ได้ปิดกั้นการส่งเสบียงบำรุงกำลังและอาวุธยุทธภัณฑ์โดยสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้ ทหารเมียนมาจากฐานด๊ากวิน ได้ทำการยิงค. 60 มม.และ ค.81 มม. เข้าใส่เป้าหมายที่คาดว่าทหารกะเหรี่ยง KNU เคลื่อนไหวในพื้นที่ดังกล่าว จำนวนทั้งสิ้น 22 นัด ซึ่งการยิงอาวุธปืน ค.ดังกล่าว ไม่กระทบต่อทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู แต่อย่างใด
ขณะที่สถานการณ์โดยรวมในประเทศเมียนมา ปัจจุบันทางการเมียนม่า ยังคงส่งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ออกทำการจับกุมผู้ที่ต่อต้านรัฐบาลในทุกพื้นที่ ทำให้มีคนจำนวนมากจากหลากหลายอาชีพ ได้พากันหลบหนี ไปอาศัยอยู่กับทหารของชนกลุ่มน้อย และทำการฝึกอาวุธ เพื่อที่จะออกมาต่อสู้กับทหารรัฐบาล ฯ
คาดว่าในอีกไม่เกินเดือนกรกฎาคม 2564 กลุ่มคนที่ฝึกอาวุธครบ 3 เดือนจะกลับเข้าสู่ตัวเมืองใหญ่ และมีแนวโน้มที่จะมีการก่อวินาศกรรมสถานที่สำคัญของรัฐบาล และจะใช้ยุทธวิธีในรูปแบบกองโจร โดยมีแนวร่วมในเมือง ได้แก่ประชาชนในแต่ละพื้นที่ให้ความร่วมมือ ทำการก่อกวนทหารของรัฐบาลเมียนมา
เนื่องจากศักยภาพของ ประชาชนที่จับปืน รวมไปถึงชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่าง ๆ ยังไม่สามารถรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ สาเหตุมาจากพื้นที่แต่ละกลุ่มของชนกลุ่มน้อย อยู่ห่างกันและทำให้ไม่สะดวกในการติดต่อสื่อสาร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง