วันที่ 18 พ.ค. 64 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง "มาตรการเยียวยาโควิด" หรือ มาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)ปี 2564 ได้แก่
- โครงการเราเที่ยวด้วยกัน
- โครงการคนละครึ่ง
- โครงการเราชนะ
- โครงการม.33 เรารักกัน
- การดำเนินการเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐ
โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 9,000 คน ระหว่างวันที่ 8-15 มีนาคม 2564
รองโฆษกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ผลการสำรวจพบว่า
- ประชาชน 99.7% รับทราบมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐ
- 81.2% ประชาชนมีความพึงพอใจโดยรวมต่อมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐในระดับมากถึงมากที่สุด
- 15.9% พอใจปานกลาง
- 2.3% พอใจน้อยถึงน้อยที่สุด
- 0.6% ไม่พึงพอใจ
เมื่อแยกเป็นรายโครงการเยียวยาโควิดพบว่า
- 59.9% ประชาชนมีความพึงพอใจโครงการเราเที่ยวด้วยกันระดับมากถึงมากที่สุด
- 82.7% พึงพอใจระดับมากถึงมากที่สุด โครงการคนละครึ่ง
- 67.8% โครงการเราชนะ
- 67.8% ม.33 เรารักกัน
และยังมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 3 อันดับแรกดังนี้คือ
- ควรให้สิทธิแก่ทุกคนโดยไม่ต้องลงทะเบียน
- ควรขยายระยะเวลาใช้บริการ
- ควรให้เป็นเงินสดเพื่อนำไปใช้บริการ
ส่วนโครงการคนละครึ่ง เราชนะ และม.33 เรารักกัน ประชาชนมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมดังนี้คือ
- ควรให้ทุกคนได้รับสิทธิเยียวยา
- ควรเพิ่มวงเงิน
- ควรให้เป็นเงินสด
สำหรับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐที่ประชาชนต้องการให้ดำเนินการต่อไปมากที่สุดคือ
- โครงการเราชนะ 62.9%
- โครงการคนละครึ่ง 26.3%
- โครงการม.33 เรารักกัน 6.1%
- โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ1.7%
- โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 0.6%
ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐพบว่า
- 60.7% ประชาชน มีความพร้อม
- 39.3% ไม่พร้อม ให้เหตุผลว่า ไม่มั่นใจในความปลอดภัย กลัวฉีดแล้วมีอาการแพ้ และต้องการดูผลที่เกิดขึ้นจากการฉีดของคนอื่นก่อน
อย่างไรก็ตามประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการดำเนินการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐในระดับมากถึงมากที่สุด 66.3%
ทั้งนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายดังนี้คือ
- ควรเพิ่มมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง เช่น ควรเพิ่มวงเงินมากกว่าประชาชนกลุ่มอื่น
- ควรให้ทุกคนได้รับสิทธิในการเยียวยา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบกับประชาชนทุกคนและทุกระดับ
- ขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือไม่ควรยุ่งยากและซับซ้อน เช่น การให้เป็นเงินสดโดยไม่ต้องลงทะเบียน
- ควรส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุมทุกพื้นที่ในราคาย่อมเยา
- สร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น ลดราคาสินค้าสำหรับผู้ที่ซื้อสินค้าและบริการออนไลน์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :