ครม.ทุ่มงบ 1.3 พันล้านบาทแก้ปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลังทุกพื้นที่

25 พ.ค. 2564 | 08:40 น.

ครม.อนุมัติ 1.3 พันล้าน เพิ่มประสิทธิภาพกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลังทุกพื้นที่ กรณีทำลายต้นมันสำปะที่เป็นโรคจ่ายชดเชยไร่ละ 2,160 บาท สนับสนุนท่อนพันธุ์ 500 ลำต่อไร่

25 พฤษภาคม 2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ วงเงิน 1,329.22 ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โครงการนี้ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายครอบคลุมพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังทุกจังหวัด มีระยะเวลาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 - กันยายน 2564 โดยดำเนินการผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น

1.กำจัดต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคใบด่างและจ่ายค่าทำลายต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคในอัตราไร่ละ 2,160 บาท

2.ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พันธุ์มันสำปะหลังสะอาดและทนทานโรคใบด่าง โดยการสนับสนุนท่อนพันธุ์ 500 ลำต่อไร่

3.ใช้มาตรการทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ.2507 ในกรณีเกษตรกรไม่ยินยอมให้ทำลายต้นมันสำปะหลังที่ติดโรค เพื่อกำจัดต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคในทุกพื้นที่และตัดวงจรการระบาดของโรค

ในส่วนของงบประมาณโครงการจำนวน 1,329.22 ล้านบาท ให้กรมส่งเสริมการเกษตรเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 1,264.20 ล้านบาท  แบ่งเป็น

1.ค่าชดเชยการทำลายต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรค (2,160 บาท/ไร่) จำนวน 864 ล้านบาท

2.ค่าส่งเสริมการปลูกมันสำปะหลังพันธุ์ที่ทนทานจำนวน 400 ล้านบาท

3.ค่าธรรมเนียมการโอนเงินของ ธ.ก.ส. (5 บาท/ราย) จำนวน 200,000 บาท

ส่วนงบดำเนินงาน จำนวน 65.02 ล้านบาท เป็นค่าบริหารจัดการโครงการ เช่น การสำรวจต้นมันสำปะหลังเป็นโรค การสร้างการรับรู้โครงการ เป็นต้น ให้ปรับจากแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของกรมส่งเสริมการเกษตรกร

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการบังคับใช้ตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ.2507 ควบคู่กับการดำเนินโครงการ เช่น กำหนดให้ท้องที่เป็นเขตควบคุมศัตรูพืช กำหนดสถานตรวจพืชเฉพาะถิ่นขึ้น ห้ามมิให้บุคคลใดนำพืช ศัตรูพืช พาหะ ออกไปนอกหรือนำเข้ามาในเขตควบคุมศัตรูพืช รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอน วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายเงินให้ถูกต้องครบถ้วน ก่อนขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง