นายยงยุทธ นาคแดง รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรมการขนส่งทางบกได้พัฒนาเว็บไซต์ชำระภาษีรถประจำปี ให้สามารถรองรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน, รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน, รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี รถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรกได้แล้ว โดยมีเงื่อนไข รถนั้นต้อง “ผ่าน” การตรวจสภาพรถจากสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.)
โดยสามารถชำระผ่านเว็บไซต์ชำระภาษีรถประจำปี https://eservice.dlt.go.th/ หรือผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax โดยการชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax ของกรมการขนส่งทางบก สามารถเลือกรับทางไปรษณีย์ หรือรับผ่านตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) ภายในสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 โดยระบบจะแสดงหลักฐานการชำระภาษีรถประจำปีชั่วคราว เพื่อให้เจ้าของรถสามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงการชำระภาษีจนกว่าจะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีจากกรมการขนส่งทางบก
นอกจากนี้สามารถเลือกชำระเงินผ่าน e-Banking บัตรเครดิต/บัตรเดบิต เคาน์เตอร์ธนาคาร/สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ ทำให้ไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง อยู่ที่ไหนก็สามารถชำระภาษีรถประจำปีได้ รอรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ ภายใน 5 วันทำการ นับจากวันชำระเงิน ส่วนการให้บริการรับชำระภาษีรถประจำปีช่องทางอื่นๆ ที่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเข้มงวด ทั้งที่สำนักงานขนส่งทุกแห่ง บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) เคาน์เตอร์เซอร์วิส ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น แอปพลิเคชัน Truemoney Wallet mPAY ที่ทำการไปรษณีย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.)
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียภาษีรถประจำปี สามารถชำระภาษีรถได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โดยมีช่องทางให้เลือกใช้บริการหลากหลายช่องทาง และสามารถชำระภาษีรถได้ล่วงหน้าก่อนครบอายุภาษี 90 วัน โดยสถิติการให้บริการชำระภาษีรถประจำปีในเขตกรุงเทพมหานคร เดือนเมษายน 2564 มีผู้ใช้บริการจำนวนทั้งสิ้น 452,834 คัน จำแนกเป็นการใช้บริการรับชำระภาษีรถประจำปี ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 5 มากที่สุด จำนวน 339,742 คัน รองลงมาคือการใช้บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) จำนวน 54,000 คัน ผ่านเว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ จำนวน 37,779 คัน
ผ่านการให้บริการช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี : Shop Thru for Tax จำนวน 5,639 คัน ในส่วนของบริการชำระภาษีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax มีผู้ใช้บริการจำนวน 1,571 คัน และบริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) มีผู้ใช้บริการจำนวน 1,274 คัน นอกจากนี้ ยังมีบริการรับชำระภาษีรถประจำปีผ่านหน่วยงานเครือข่าย อาทิ เคาน์เตอร์เซอร์วิสมีผู้ใช้บริการจำนวน 11,389 คัน ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 714 คัน และผ่านแอปพลิเคชัน mPAY และ Truemoney Wallet จำนวน 726 คัน