วันนี้ (1มิถุนายน2564) องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้เปลี่ยนวิธีเรียกชื่อไวรัสสายพันธุ์โควิด-19 ที่เกิดการกลายพันธุ์ หลังจากก่อนหน้านี้เรียกแทนด้วยชื่อประเทศที่พบเป็นครั้งแรก มาเป็นการใช้ตัวอักษรกรีก โดยเรียงตามลำดับที่ตรวจพบ
สายพันธุ์ที่น่ากังวล 4 สายพันธุ์ (Variants of Concern; VOC)
นอกจากนั้นยังมีสายพันธุ์ที่ให้ความสนใจอยู่อีก 6 สายพันธุ์ (Variants of Interest; VOI)
มาเรีย ฟาน เคอร์โคฟ นักระบาดวิทยาของ WHO กล่าวว่า การใช้ชื่อเรียกสายพันธุ์แบบใหม่ “จะทำให้ไม่มีประเทศใดถูกตราหน้าว่าเป็นต้นตอการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์นั้น ๆ”
WHO จึงขอให้ทางการของแต่ละประเทศและสื่อมวลชน หันมาใช้ชื่อเรียกแบบใหม่แทน แต่การเปลี่ยนชื่อเรียกนี้ไม่เกี่ยวกับชื่อทางวิทยาศาสตร์ ที่จะยังคงไว้เหมือนเดิมสำหรับใช้งานโดยนักวิทยาศาสตร์ในงานวิจัย เช่น โควิด-19 B.1.1.7 เป็นต้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ WHO ตั้งชื่อโรคหรือเชื้อไวรัสขึ้นมาใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ชื่อทางภูมิศาสตร์ ก่อนที่โลกจะรู้จักคำว่า ‘โควิด-19’ เคยมีการใช้คำว่า ‘ไวรัสอู่ฮั่น’ กันอย่างแพร่หลาย ก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง หรือแม้แต่ในอดีต โรคต่าง ๆ มักถูกตั้งชื่อตามสถานที่ที่เกิดขึ้นหรือระบาด เช่น ไวรัสอีโบลา ใช้ชื่อมาจากแม่น้ำในคองโก อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมโยงดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายให้กับสถานที่เหล่านั้นเพราะมักไม่ถูกต้อง
เช่นเดียวกับกรณี “ไข้หวัดใหญ่สเปน” ในปี 1918 ซึ่งไม่ความจริงแล้วทราบที่มาว่ามาจากสเปนหรือมาจากที่อื่นกันแน่ รวมไปถึงโควิด-19 ที่อินเดีย ก็ไม่พอใจกับการเรียกโควิด-19 B.1.617.1 และ B.1.167.2 ว่า “สายพันธุ์อินเดีย” ยังมีจีนที่ไม่พอใจตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ เรียกโควิด-19 ว่าเป็น “ไวรัสจีน” หรือ “ไวรัสอู่ฮั่น”
ที่มา : WHO / theguardian
ข่าวเกี่ยวข้อง: