รายงานข่าวระบุว่า นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา และผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสเฟซบุ๊กส่วนตัว (รสนา โตสิตระกูล) โดยมีข้อความระบุว่า
รัฐบาลควรใช้ฟ้าทะลายโจรเป็นประโยชน์ในการดูแลคนไทยในต่างประเทศและนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ
เมื่อวานนี้มีเพื่อนเขียนมาขอคำแนะนำเรื่องลูกสาวทำงานอยู่ลอนดอน และติดโควิด-19 ต้องกักตัวดูแลตัวเองอยู่ในบ้าน จะไปขอยาฟ้าทะลายโจรที่สถานทูตไทยจะได้ไหม หรือควรดูแลตัวเองอย่างไร
ดิฉันแนะนำว่าให้กินอาหารที่มีรสขม รสฝาด รสจืดเป็นหลัก กินอาหารที่มีความเป็นด่างให้มากกว่าความเป็น กรด ที่น่าแปลกคือรสขม ฝาด จืด มีความเป็นด่าง ในขณะที่น้ำตาล เนื้อสัตว์ อาหารแปรรูปมีความเป็นกรดมากกว่า
ที่น่าเห็นใจมากคือคนไทยที่ไปเรียนหรือทำงานในต่างประเทศช่วงนี้ที่เผชิญวิกฤตโควิด เจ็บป่วยแล้วต้องเก็บตัวอยู่ในห้องพัก จะหาหยูกยารักษาตัวเองก็ยาก จะหาคนมาส่งข้าว ส่งน้ำ ของจำเป็นก็ยาก ถ้าไม่มีครอบครัวคอยช่วยเหลือดูแล โดยเฉพาะลูกสาวเพื่อนที่ติดโควิดมีอาการปวดหัวแทบระเบิด เหนื่อยไม่มีแรง หวังว่าท่านพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ในกรุงลอนดอนยังพอมีฟ้าทะลายโจรไว้ให้คนไทยที่ป่วยจากโควิดในขณะนี้
มีอีกข้อมูลที่น่าสนใจคือสุภาพสตรีวัยอาวุโสอายุ87ปีที่ดิฉันรู้จักและให้ความเคารพนับถือท่านหนึ่งไปฉีดวัคซีนโควิดมา เมื่อวันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 แล้วมีอาการไข้ขึ้น กินยาพาราเซตามอลแล้วไข้ไม่ลด ท่านเล่าว่า "มีอาการรุมๆ ปวดจี๊ด ร้อน ตรงโน้นตรงนี้ ปวดตั้งแต่หัวถึงปลายเท้า ไม่เคยมีอาการปวดแบบนี้มาก่อนเลย ทนปวดอยู่ 3 ชั่วโมง เลยตัดสินใจกินฟ้าทะลายโจร 2 แคปซูล ปรากฎว่าหายปวด นอนหลับได้ ตื่นเช้ามาสบาย พอบ่ายเพลียมาก นอนไม่หลับ ได้กินฟ้าทะลายโจรอีกเช้า2แคปซูล เย็น 2แคปซูล ทำให้หายปวดและนอนหลับได้"
คำบอกเล่านี้เป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากสำหรับคนรับวัคซีนโควิดแล้วมีอาการไข้ สามารถใช้ฟ้าทะลายโจรได้แทนพาราเซตามอลได้อย่างปลอดภัยและลดอาการไม่พึงประสงค์ได้ทันที ขอย้ำว่าการที่สุภาพสตรีสูงวัยท่านนี้มีอาการดีขึ้นหลังรับประทานยาฟ้าทะลายโจรแล้ว มิใช่เกิดจากอุปทานเนื่องจากก่อนหน้านี้ ท่านไม่ชอบยาสมุนไพร แต่มีญาติแนะนำให้ใช้ฟ้าทะลายโจร จึงตัดสินใจใช้ยาสมุนไพรตัวนี้เพราะทนอาการปวดต่อไปไม่ไหว ประสิทธิศักย์ของยาฟ้าทะลายโจรในการลดอาการข้างเคียงหลังจากฉีดวัคซีนโควิด น่าจะมีการเก็บข้อมูลและศึกษาอย่างเป็นระบบต่อไป
ดิฉันเห็นว่าเมื่อรัฐบาลได้ประกาศสรรพคุณฟ้าทะลายโจรให้สามารถใช้กับคนไข้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อลดอาการรุนแรง ลดอาการปอดอักเสบก็ควรส่งเสริมการใช้ฟ้าทะลายโจรอย่างจริงจัง เช่นควรให้สถานทูตไทยที่อยู่ในทุกประเทศมียาฟ้าทะลายโจรสำรองไว้ให้คนไทยในประเทศนั้นๆใช้ และควรให้ร้านค้าคนไทยในประเทศต่างๆนำฟ้าทะลายโจรไปขายให้คนไทยในประเทศนั้นๆด้วย จะช่วยส่งเสริมอาชีพการปลูกและผลิตสมุนไพรฟ้าทะลายโจรของเกษตกรและผู้ผลิตยาไทยให้เป็นประโยชน์กว้างขวางออกไป
นอกจากนี้แผนการฉีดวัคซีนเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างโครงการ Phuket Sand Box ที่รัฐบาล จะผลักดัน ให้เกิดขึ้นในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เดินทางเข้าไทย ผ่านทาง จ.ภูเก็ต ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวในภูเก็ตได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่นักท่องเที่ยวต้องพักอยู่ที่ภูเก็ต เป็นเวลา 14 วัน และผ่านการ ตรวจโควิด-19 จำนวน 2 ครั้ง เมื่อได้ผลว่าปลอดภัย ในวันที่ 15 นักท่องเที่ยวจึงจะสามารถเดินทางได้ทั่วประเทศไทยต่อไป นอกจากนี้สมาคมท่องเที่ยวเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ก็ได้เสนอโมเดล Samui Sealed Route ให้ดำเนินการคู่ขนานไปกับ Phuket Sand Box โดยขอเริ่มในวันที่ 1 ก.ค.64 เช่นเดียวกัน คือให้นักท่องเที่ยวที่มาเข้าพักที่ภูเก็ต พักอยู่ภูเก็ต 7 วันแรก ส่วนวันที่ 8-14 ให้มาพักที่เกาะสมุย และทำการตรวจสอบการติดเชื้อเช่นเดียวกัน จากนั้นถ้าปลอดภัยก็สามารถเดินทางไปเที่ยวจังหวัดอื่นต่อไป
การฉีดวัคซีนครบ2โดสที่ผ่านมา ก็ยังพบโอกาสในการติดเชื้อใหม่ได้อีก ทำให้โครงการเปิดรับนักท่องเที่ยวต้องเลื่อนออกไปจากกำหนดเดิมมาหลายครั้ง หากรัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ในการใช้ส่งเสริมการใช้ยาฟ้าทะลายโจรให้เป็นจริงเป็นจัง ก็ควรกำหนดเป็นเงื่อนไขในโครงการ Phuket Sand box และ Samui Sealed Route ให้นักท่องเที่ยวทุกคนในโครงการทั้งสองนี้ต้องซื้อหรือรับแจกยาฟ้าทะลายโจรติดตัวไว้ พร้อมใช้เมื่อเกิดอาการสัญญาณของหวัด ไข้ ไอ เจ็บคอขึ้นมาในระหว่างท่องเที่ยว
ยาฟ้าทะลายโจรเหมาะกับอาการเริ่มต้นของหวัด และจากการทดลองของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าฟ้าทะลายโจรมีฤทธ์ิฆ่าและยับยั้งการขยายตัวของไวรัสโควิด ทำให้ลดอาการรุนแรงของคนติดเชื้อโควิด ลดอาการปอดอักเสบได้ นี่เป็นความวิเศษของสมุนไพรธรรมดาอย่างฟ้าทะลายโจรที่ควรได้รับการสนับสนุนให้เป็นยาสมุนไพรประจำบ้าน และในระหว่างที่รอหรือหลังฉีดวัคซีนแล้ว ถ้าใครมีอาการป่วยไข้ขึ้นมาก็สามารถใช้ยาฟ้าทะลายโจรรักษาอาการดังกล่าวได้
รัฐบาลจึงควรส่งเสริมให้มีฟ้าทะลายโจรไว้เป็นตัวช่วยในยามฉุกเฉินระหว่างเลื่อนการฉีดวัคซีน น่าจะสร้างสรรค์กว่าการโยนความผิดให้กันเรื่องจำนวนวัคซีนไม่เพียงพอ ใช่หรือไม่
สำหรับฟ้าทะลายโจรนั้น จากการสืบค้นข้อมูลของ "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า ก่อนหน้ามีประเด็นเรื่อง "ฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด19 หรือรักษาผู้ป่วยโควิดได้หรือไม่" ซึ่งพญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ตอบอย่างชัดเจน ว่า จริงๆเรื่องนี้มีการศึกษาในระดับนานาชาติ ทั้งจีน อินเดีย พบว่า ฟ้าทะลายโจรมีสารสำคัญแอนโดรกราโฟไลด์(Andrographolide) ซึ่งในหลอดทดลองมีฤทธิ์ต้านไวรัสได้อย่างน่าสนใจ โดยปีที่ผ่านมาทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำการทดลองว่า เมื่อมาอยู่ในเซลล์ร่างกายจะป้องกันโคโรนาไวรัสได้หรือไม่ ปรากฏว่า ไม่สามารถป้องกันไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนโควิด และต้องมีมาตรการป้องกันโรคเช่นเดิม
ทั้งนี้ เมื่อป้องกันไม่ได้จะทำอย่างไรในแง่ของการศึกษาฟ้าทะลายโจรนั้น พบว่า สารแอนโดรกราโฟไลด์ในฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ฆ่าไวรัสในหลอดทดลอง และยังฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางตัว อีกทั้ง ฟ้าทะลายโจรยังเป็นยาลดไข้ที่ดี โดยได้ใช้เป็ยาในบัญชียาหลักในการลดไข้ตั้งแต่ปี 2559 นอกจากนี้ ยังค้นพบว่า ใน Covid-19 มีภาวการณ์อักเสบ จึงพบว่าฟ้าทะลายโจรลดการอักเสบ และส่งเสริมภูมิคุ้มกันได้ ดังนั้น กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้รับความร่วมมือจากหลายรพ.ในการศึกษาวิจัย 9 รพ. มีผู้ป่วยจำนวน 304 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยอาการน้อยให้รับประทานยาฟ้าทะลายโจรในขนาด 180 มิลลิกรัมต่อวัน วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ซึ่งพบว่าผู้ป่วยอาการดีขึ้น โดยไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง อาจมีเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือถ่ายเหลว แต่ไม่มาก จึงคิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกในการใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ขณะเดียวกันได้ขยายการใช้ยานี้ในรพ.สนาม โดยรพ.ธรรมศาสตร์ได้นำไปใช้ เมื่อมีความก้าวหน้าจะเผยแพร่ต่อไป
อย่างไรก็ดี แม้จะมีประโยชน์ แต่ฟ้าทะลายโจรก็มีข้อห้ามในการใช้เช่นกัน เพราะยาไม่ใช่ขนม จำเป็นต้องใช้อย่างถูกต้อง เช่น ผู้ป่วยรายใดมีประวัติเคยแพ้ฟ้าทะลายโจร หากรับประทานครั้งแรกมีผื่นคันขึ้นต้องหยุดใช้ หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตรก็ไม่ควรใช้ รวมทั้งผู้ป่วยโรคตับ โรคไตก็ต้องหลีกเลี่ยง และผู้ที่ที่มีโรคประจำตัว และรับประทานยาประจำ โดยเฉพาะยาลดการแข็งตัว อย่างยาวาร์ฟาริน แอสไพริน โคลพิโดเกรล ซึ่งเป็นยาที่จ่ายให้กับผู้ป่วยอัมพฤตอัมพาต หรือเส้นเลือดหัวใจตีบต้องระวัง และผู้ป่วยที่รับประทานยาลดความดันโลหิตก็ไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกัน
"การใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันนั้น เป็นข้อแนะนำได้ในระดับหนึ่ง แต่ต้องรับประทานฟ้าทะลายโจรประมาณ 20 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันไม่เกิน 5 วัน หยุด 2 วัน ต่อเนื่องไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งข้อแนะนำนี้เกิดจากการศึกษาที่ประเทศชิลี โดยมีการติดตามผลผู้รับประทานฟ้าทะลายโจรเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันพบว่า เกิดติดเชื้อไข้หวัดน้อยลงอย่างชัดเจน ซึ่งก็ต้องมีการศึกษาต่อไป อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับยาที่ใช้ระดับนี้หากไม่มีข้อห้ามก็จะเป็นประโยชน์ได้"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :