นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ทำข้อเสนอบริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ประเทศไทยผ่านมายังกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งความคืบหน้าในตอนนี้ หากพิจารณารายละเอียดข้อเสนอเรียบร้อย คาดว่าจะลงนามตอบกลับไปได้ในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ และส่งมาได้ในเดือนกรกฎาคม โดยยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดจำนวนวัคซีนที่จะบริจาคได้
"การบริจาควัคซีนโควิดของญี่ปุ่นถือเป็นสัมพันธไมตรีและมิตรภาพระหว่างสองประเทศ ช่วยให้ประเทศไทยสามารถกระจายวัคซีนได้เพิ่มมากขึ้น และเป็นยี่ห้อเดียวกับที่ประเทศไทยใช้ ทำให้สามารถนำมาฉีดเข็มแรกได้อย่างเต็มที่และมีความคล่องตัวมากขึ้น นอกจากนี้ ญี่ปุ่นมีการลงทุนในประเทศไทยจำนวนมาก หลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิดการลงทุนและค้าขายระหว่างสองประเทศก็จะแน่นแฟ้นกว่าเดิม"
นายอนุทิน กล่าวเพิ่มว่า สำหรับการกระจายวัคซีนโควิด-19 เป็นไปตามสูตรของ ศบค. เพื่อให้เกิดเป็นบรรทัดฐาน เมื่อวัคซีนส่งไปถึงแต่ละจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครจะพิจารณาจัดสรรอย่างเหมาะสมแต่ละพื้นที่ต่อไป โดยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทยอยส่งมาทุกสัปดาห์ ขอให้แต่ละจังหวัดเมื่อรับวัคซีนไปแล้วกระจายและฉีดอย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถฉีดได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดช่วง
ส่วนกรณีหนังสือของปลัดกระทวงมหาดไทยขอให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาสนับสนุนวัคซีนให้บริษัทเอกชน ทางปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มีการยกเลิกหนังสือดังกล่าวไปแล้ว
ด้านนโยบายเปิดประเทศของนายกรัฐมนตรี มีการประเมินทุกมิติ ทั้งการติดเชื้อ ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ปัญหาปากท้อง และโอกาสการสร้างรายได้ของประชาชน อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ หากมีเหตุการณ์ได้เตรียมพร้อมรับมือทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ยา เวชภัณฑ์ รวมถึงวัคซีน เพื่อให้สามารถดำเนินการตามนโยบายได้
"ภายใน 1-2 วันจะมีการหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกเขตสุขภาพ และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดประเทศ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง