27 มิถุนายน 2564 - ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ โควิด19 สายพันธุ์อินเดีย หรือ เดลต้า ที่มีแนวโน้มแพร่ระบาดในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นว่า ......
ทราบกันดีว่าสายพันธุ์เดลต้าหรืออินเดียระบาดได้ง่าย เดิมสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) รอบกระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ G มากจึงระบาดไปทั่วโลก สายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) ก็ได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อังกฤษอีกจึงมีแนวโน้มระบาดมาแทนที่สายพันธุ์อังกฤษอย่างแน่นอน
ตำแหน่งการกลายพันธุ์ที่ทำให้ระบาดได้ง่ายคือจุดตัดของโปรตีนหนามแหลม Spike ให้ขาดจากกัน (S1 & S2)
โดยอาศัย Enzyme จากตัวเรา การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งมาเป็นกรดอะมิโน Arginine (R) ที่เป็น Basic Amino Acid บริเวณจุดตัด ทำให้ Enzyme Furin ขอมนุษย์เข้าไปตัดได้ง่ายขึ้น
หลังจากที่ไวรัสใช้หนามแหลมเกาะบนเซลล์ทางเดินหายใจที่จุดรับ ACE2 เมื่อเกาะติดแน่นแล้วจำเป็นจะต้องมีการตัดเพื่อให้ตัวไวรัสเข้าเซลล์ได้ง่ายขึ้น เมื่อกรดอะมิโนเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งนี้ ทำให้ Enzyme Furin เปรียบเสมือนเป็นกรรไกรตัดเพื่อปลดปล่อยให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์
จึงทำให้มีการติดเชื้อได้ง่ายขึ้นเพราะตำแหน่งที่ตัดถ้าเปลี่ยนกรดอะมิโนเป็น ด่าง (Base) Arginine แล้ว จะตัดได้ง่ายขึ้น ไวรัสก็จะเข้าสู่เซลล์ได้ง่ายขึ้น ทำให้ติดได้ง่ายขึ้น ดังแสดงในรูป สำหรับนักเรียนวิทยาศาสตร์ที่ควรจะได้เรียนรู้ เมื่อติดง่ายก็จะระบาดได้เร็วขึ้นกว่าสายพันธุ์อังกฤษที่เกิดขึ้นในรอบที่ 3
ขณะนี้แนวโน้มของสายพันธุ์เดลต้าในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดและจะทำให้เกิดการระบาดง่ายขึ้น การควบคุมก็จะยากขึ้น การที่จะลดการระบาดของโรคในขณะนี้สามารถทำได้โดยระเบียบวินัยที่เคร่งครัด ในการป้องกันตนเองอย่างที่ปฏิบัติกันมา ไม่ว่าจะใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ กำหนดระยะห่างต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ลดการเคลื่อนย้ายของแรงงานอย่างเด็ดขาด ให้วัคซีนให้มากที่สุดและเร็วที่สุดในการลดความรุนแรงของโรคและการแพร่กระจายให้ได้มากที่สุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง