ดร.ภูมิพัฒณ์ พงศ์พฤฒิกุล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษสายงานวิจัยและพัฒนา วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) หรือ DPU ในฐานะคณะกรรมการผู้ตัดสินในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดเผยว่า DPU ลงนามบันทึกความร่วมมือกับ South Central University for_Nationalities (SCUN) สาธารณรัฐประชาชนจีน
จัดโครงการประกวดผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ล้านช้าง- แม่โขง ภายใต้การอนุมัติของคณะกรรมการกิจการชนชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียวของไทยที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ สร้างผู้ประกอบการนักธุรกิจรุ่นใหม่ของ 6 ประเทศพื้นที่ล้านช้าง-แม่โขง และร่วมมือกันในการสร้างนวัตกรรม ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนของพื้นที่ดังกล่าว รวมไปถึงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงอีกด้วย
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินการ ระหว่างเดือนมิ.ย.-พ.ย.2564 โดยเชิญสตาร์ทอัพหรือผู้ประกอบการและนักธุรกิจรุ่นใหม่จาก 6 ประเทศ ประกอบด้วย จีน,ลาว,กัมพูชา,เมียนมาร์,ไทย และเวียดนาม ส่งผลงานเข้าร่วมประกวด โดยมีคุณสมบัติต้องเป็นโครงการหรือแผนธุรกิจเชิงการตลาดหรือเชิงพาณิชย์ที่มุ่งเน้นวิธีการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนของ 6 ประเทศ หรือโครงการเพื่อลดการว่างงาน ลดช่องว่างความยากจน การลดมลภาวะของสิ่งแวดล้อม และการแก้ไขปัญหาสังคมอื่น ๆ
ดร.ภูมิพัฒณ์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยเบื้องต้นจัดประกวดแผนธุรกิจของผู้ประกอบการสตาร์ทอัพรอบแรกในประเทศก่อน เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เกิดความสนใจที่จะเขียนแผนธุรกิจของตัวเองส่งเข้าประกวด ก่อนที่ผู้ชนะจะไปประกวดต่อในรอบนานาชาติ โดยในไทยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-31 ก.ค.2564 ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์หรืออาจเป็นในรูปแบบออนไลน์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 สำหรับผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัลและโล่เกียรติยศ พร้อมได้รับการบ่มเพาะเชิงธุรกิจกับผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสนำเสนอแผนธุรกิจของตนเองในการประกวดผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ล้านช้าง-แม่โขง รอบนานาชาติอีกด้วย ซึ่งมีกำหนดจัดการแข่งขันรอบนานาชาติ ในระหว่างวันที่ 11 ส.ค.- 30 ต.ค. 2564 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
“รางวัลในการประกวดครั้งนี้แบ่งเป็นประเภทกลุ่มความคิดสร้างสรรค์และกลุ่มโครงการสตาร์ทอัพ โดย ทีมผู้ชนะจะได้รับเงินสนับสนุนพร้อมเหรียญรางวัลและหนังสือรับรอง ทั้งยังมีโอกาสได้เรียนรู้และร่วมกิจกรรมระหว่างประเทศ โดยผู้ที่เข้าร่วมการประกวดในรอบ 20 ทีมสุดท้าย จะได้รับประสบการณ์ แลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยีในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งมีโอกาสได้พบกับนักลงทุนจากนานาประเทศ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ต่อยอดทางธุรกิจได้ โดยทางจีนได้แจ้งมาว่าหากสถานการณ์โรคโควิด-19 ดีขึ้น ผู้เข้าร่วมการประกวดจะได้รับตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักไปร่วมแข่งขันที่ประเทศจีน โดยทางจีนจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด” ดร.ภูมิพัฒณ์กล่าว
ดร.ภูมิพัฒณ์ กล่าวอีกว่า เวทีนี้นับว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสตาร์ทอัพไทย เพราะสิ่งที่จะได้รับนอกจากประสบการณ์การเขียนแผนธุรกิจระหว่างประเทศแล้ว ยังมีโอกาสพบนักลงทุนและร่วมทุนในธุรกิจระหว่างประเทศที่หลากหลายและมีโอกาสขยายธุรกิจในอนาคตอีกด้วย
สำหรับผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวดในโครงการฯ จะต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 45 ปี หรือเป็นธุรกิจที่จดทะเบียนการค้าแล้วไม่เกิน 5 ปี โดยสมัครเป็นทีม 2-15 คน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและยื่นเอกสารการสมัครได้ที่ https://www.dpu.ac.th/startup-lancang-mekong/