นายสันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว (Sunt Srianthumrong) โดยมีข้อความว่า
Covid-19: Red Alert Wave#4 ครั้งที่ 2: การแจ้งเตือนระดับสูงสุด 7 วันอันตราย ยืนยันสถานการณ์ระดับ Exponential ในกทม.ครับ
ขอเตือนพี่น้องชาวกทม.ทุกคนเลยนะครับ เมื่อวานนี้ (30 มิ.ย.64) กทม. New High ที่ 1,826 ทำให้ยืนยันได้แล้วครับว่า ที่ผ่านมาคือส่วนของหัว Wave#4 แน่ๆ และจากนี้จะเป็นตัวคลื่นของ Wave#4 ระดับสึนามิ ที่กำลังจะพัดเข้าชายฝั่งครับ
ทุกคนในกทม.ปริมณฑลต้อง Lockdown ตัวเอง ทำตามศบค.อย่างเคร่งครัด ไม่มีทางอื่นสำหรับช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ครับ การ Lockdown อย่างเข้มงวดคือวิธีเดียวครับที่จะรอด นี่คือช่วง 7 วันอันตรายอย่างยิ่งครับ
ตัวเลขและกราฟในกทม.:
1. กราฟ Super Position ของ Wave#4 ยืนยันระดับ %Increase ที่ประมาณ 13% หรือ Doubling Day ที่ประมาณ 6 วัน โดยมีแนวโน้มเป็นแบบนี้มา 2 สัปดาห์แล้วครับ กราฟ Total Case จริงสีแดงเป็น Exponential วิ่งตามเส้นการคำนวณสีส้มประอย่างชัดเจนครับ เรา Lockdown กทม.ปริมณฑลไปแล้ว กราฟ %Increase ควรจะต้องดีขึ้นภายในไม่เกิน 1 สัปดาห์ข้างหน้า ถ้าไม่ดีขึ้น เรื่องใหญ่ครับ
2. กราฟ %Increase ในกทม. Wave#3 ต่อเนื่อง Wave#4 กำลังยกระดับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. กำลังขึ้นจากระดับ Background ที่ 2% เข้าสู่ 3% และน่าจะไปต่อ ซึ่งครั้งสุดท้ายที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็คือช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่เราวิ่งจาก Wave#2 เข้าสู่ Wave#3 ครับ
ตัวเลขและกราฟประเทศไทย:
กราฟ %Increase Wave#3 ต่อเนื่อง Wave#4 หลังจากทรงๆอยู่ที่ Background ระดับ 2% ตอนนี้ก็กำลังวิ่งขึ้นเข้าสู่ระดับ 3% และน่าจะไปต่อเช่นกัน ครั้งสุดท้ายที่เกิดเหตุการณ์นี้ก็คือช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่เราวิ่งจาก Wave#2 เข้าสู่ Wave#3 เช่นกันครับ
ตัวเลขที่ต้องจับตามองไปข้างหน้า 1 สัปดาห์:
1. กทม.ถ้าเข้มงวดกันพอและทำสำเร็จ New High ต่อวันเฉพาะในกทม.อาจไปแตะระดับ 2,500 - 3,000 แต่จะหนี Exponential สำเร็จและจะค่อยๆลดลง แต่ถ้าล้มเหลวก็จะได้เห็นระดับ 4 พัน 5 พันต่อวัน
2. ต่างจังหวัดที่เดิมเป็นสีขาวและเขียว ตัวเลขมีขึ้นเยอะแน่นอน แต่ถ้าจับผึ้งแตกรังได้สำเร็จ ตัวเลขจะไม่ขึ้นไปไหนมาก สัปดาห์หน้าต้องเริ่มนิ่งครับ
คำแนะนำสูงสุด:
1. กทม. ปริมณฑล และจังหวัดระบาดหนัก ต้อง Lockdown จริงจังที่สุด ออกไปข้างนอกต้องหน้ากาก 2 ชั้น ธุรกิจที่ยังไหว WFH ให้ได้ 80% เดินห้าง เดินตลาด เลี่ยงได้เลี่ยง
2. ต่างจังหวัดและหัวเมือง จับผึ้งแตกรังทุกตัวให้ได้ และสัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้า เฝ้าระวังโรงเรียน ถ้าพื้นที่ไหนมีคนกลับมามากผิดสังเกตุ และเริ่มมีติดเชื้อ ต้องเรียน Online ทันทีครับ อย่าได้ลังเล
3. กิจการ ร้านค้าในพื้นที่ระบาดหนักที่ไม่ถูกศบค.สั่งปิด ผมแนะนำว่า หยุดสัก 1 สัปดาห์ เพราะนี่คือ 7 วันอันตรายจริงๆครับ
4. คนไทยทุกคน นึกถึงฟอร์มการเล่นแบบแชมป์ที่ตัวเองเคยทำเมื่อปลายมี.ค.ถึงต้นพ.ค. 63 ปีที่แล้ว ถ้าทำได้แบบนั้น ชนะแน่นอนครับ ขอแค่ทุกๆคนที่ยังมีกำลัง ทำแบบที่ตัวเองเคยทำสำเร็จ
5. บุคคลากรทางการแพทย์มีความสำคัญที่สุด ซึ่งตอนนี้หนักจนไม่รู้จะหนักยังไงแล้ว และกำลังใจที่ดีที่สุดคือ ดูแลตัวเองอย่าให้ติดเชื้อเพิ่ม และถ้าถึงที่สุดแล้วระบบสาธารณสุขล้มลง เราก็ต้องไปช่วยประคองพวกเขา ในฐานะเพื่อน ในฐานะคนในครอบครัว เขาก็เป็นคนธรรมดาเหมือนพวกเรา มีหัวใจ มีความเข้มแข็งได้ อ่อนแอได้ มีทุกข์มีโศก ท้อแท้ สิ้นหวังได้เช่นกัน
6. ธุรกิจที่กำลังจะล้มหายตายจาก คนที่บ้านกำลังจะโดนยึด ผมอยากให้ธนาคาร นายห้างใหญ่ เจ้าสัวใหญ่ ท่านต้องมีเมตตาจริงๆจังๆแล้วครับ ท่านไม่ช่วย เขาไม่รอดครับ
7. แม่ที่ไม่มีเงินจะซื้อนมให้ลูก ไม่มีอาหารจะตกถึงท้องแล้ว ทุกคนที่กำลังสิ้นหวัง กำลังจะยอมแพ้ ขอให้อย่าได้สิ้นหวัง ขอให้ตะโกนออกมาดังๆ ยังมีคนอีกมากที่แข็งแรงและพร้อมจะช่วยเหลือ ผมเชื่อว่าประเทศนี้ยังไม่สิ้นหวัง ยังคงมีความดีงามคงเหลืออยู่อีกมากมายครับ
Wave#4 กลับมาหาพวกเราเร็วมาก เร็วกว่าที่ผมกังวลไว้เสียอีก ทุก Indicator ที่ผมใช้ตรวจจับ Wave รหัสแดงทั้งหมดแล้ว เราไม่ทันแล้ว แต่ก็ต้องสู้ครับ ต่อให้ Wave มันซัดมาแรงแค่ไหน เดี๋ยวมันก็จะต้องผ่านไปครับ ขอให้หลบเข้าที่กำบัง ใช้ชีวิตอย่าได้ประมาท รักษาตัวเองและครอบครัวให้รอด ดูแลสุขภาพ ช่วยเหลือผู้คนให้มากที่สุด รักษาความดีและจิตวิญญาณที่ถูกต้องเอาไว้ให้ได้ และที่สุดแล้วเมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป ผมหวังว่าทุกคนจะยังอยู่ที่ตรงนั้นและจะได้มาร่วมด้วยช่วยกันสร้างประเทศนี้ขึ้นมาใหม่ครับ
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมตัวเลขสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทย วันที่ 1 กรกฏาคม 2564 จากศูนย์ข้อมูล COVID-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า
ติดเชื้อเพิ่ม 5533 ราย
สะสมระลอกที่สาม 235,971 ราย
สะสมทั้งหมด 264,834 ราย
หายป่วยกลับบ้าน 3223 ราย
สะสม 183,276 ราย
เสียชีวิตเพิ่ม 57 ราย
สะสมแล้วระลอกที่สาม 1986 ราย
สะสมทั้งหมด 2080 ราย