ต่อไปนี้เป็น อัพเดตลำดับเหตุการณ์ ตั้งแต่ช่วงหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา
ประมาณช่วงเที่ยงคืน ย่างเข้าสู่วันที่ 6 ก.ค. เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดวาลว์ครบ 3 จุด จนทำให้เพลิงสงบ และควันลดลง แต่ยังคงฉีดน้ำต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับมาประทุ
01.34 น. นายอำเภอบางพลี ได้ประสานนำโฟมเข้าเลี้ยงไม่ให้เกิดไฟคุขึ้นมาอีก และรถบรรทุกของกองทัพบก ก็ยังคงขนโฟมมาเป็นระยะ
03.00 น. เพลิงกลับมาลุกอีกครั้งแม้ว่าจะปิดวาลว์ได้แล้ว คาดว่าเนื่องจากชั้นโฟมบริเวณดังกล่าวบนพื้นอาจไม่หนาพอ และมีอากาศเข้าไปข้างในจึงทำให้ไฟลุกขึ้นมาได้ เจ้าหน้าที่ระดมฉีดโฟมทับและฉีดน้ำเพื่อลดอุณหภูมิ
03.45 น. เจ้าหน้าที่ได้พานายสุเทพ มั่งคั่ง หัวหน้าคนงานโรงงานหมิงตี้ฯ มาชี้ผังโรงงานเพื่อควบคุมเพลิงให้ดีขึ้น โดยนายสุเทพกล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุมีคนงาน 11 คน แบ่งเป็นผู้จัดการโรงงานชาวไต้หวัน 1 คน และคนงาน 9 คน รวมตนด้วยอีก 1 คน โดยที่คนงานได้วิ่งมาตามคนที่บานพักอยู่ใกล้ ๆ พอมาถึงป้อมยาม ก็พบว่าสารเคมีรั่วไหลออกมาแล้ว สักพักก็ได้ยินเสียงระเบิดพร้อมประกายไฟ ตนและทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็รีบหนีภัย ส่วนสาเหตุนั้นต้องเรียกคนงานมาพูดคุยอีกที ทั้งนี้ สารเคมีมีทั้งหมด 16,000 ตัน มีแทงค์เดียวไม่มีแทงค์อื่น เป็นสารสไตรีนโพลิเมอร์ จุดที่ไฟไหม้ไม่มีชั้นใต้ดิน
ประมาณ 05.20 น. เจ้าหน้าที่ยืนยันแล้วว่า สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่แนะนำว่า ประชาชนที่อพยพออกไป อย่าเพิ่งกลับเข้าบ้าน เนื่องจากคาดว่า ยังคงมีสารเคมีตกค้างและอาจเป็นอันตราย
07.15 น. ภาพล่าสุดจากการสำรวจความเสียหาย หลังเจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังควบคุมเพลิงกันข้ามวันข้ามคืน
07.22 น. เพลิงประทุขึ้นอีกรอบ เกิดกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ พวยพุงขึ้นอีกครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ต้องเร่งใช้น้ำและโฟมดับเพลิงเข้าควบคุมไฟ
10.00 น. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ และ พ.ต.อ.ปกปภพ บดีพิทักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์
จากการนำเครื่องตรวจชั้นอากาศมาทำการตรวจสภาพอากาศโดยรอบจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งต้องมีการตรวจเช็กตามระยะตั้งแต่ 1 กิโลเมตรไปจนถึง 5 กิโลเมตร พบว่าสภาพอากาศใน “บางจุด” ยังมี “ค่ามลพิษเกินมาตรฐาน” ในปริมาณที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงไม่สมควรที่จะสูดดมเข้าไปนานๆ และต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
13.00 น. บรรยากาศการเคลื่อนศพของนายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ "พอส" อายุ 18 ปี อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย รหัส ธน 28-78 ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้ จากโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ ไปทำพิธีที่วัดทุ่งครุ มีเพื่อนอาสาขับรถร่วมขบวนไปส่งถึงวัดนับร้อยคัน เปิดสัญญาณไฟและสัญญาณเสียงลั่นถนนอย่างสมศักดิ์ศรี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า (อ่านเพิ่มเติม: สดุดี “น้องพอส” วีรบุรุษอาสาสมัครดับเพลิงโรงงานกิ่งแก้ว สวดอภิธรรมวันนี้)
สรุปความเสียหาย ณ เวลา 0600 น. วันนี้ (6 ก.ค.)
บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 73 หลัง
รถยนต์เสียหาย 15 คัน
ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 33 ราย
อาสาสมัครบาดเจ็บ 12 ราย
อาสาสมัครดับเพลิงเสียชีวิต 1 ราย
ภายใต้คำสั่งอพยพประชาชนในรัศมี 5 กม.รอบพื้นที่เพลิงไหม้ มีการอพยพประชาชนชุมชนใต้ลมแล้วประมาณ 1,900 คน
ขณะนี้มี จุดอพยพ 8 แห่ง รองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย
1.โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์
2.อบต.บางพลีใหญ่
3.ร.ร.วัดบางพลีใหญ่กลาง
4.วัดบางพลีใหญ่ใน
5.วัดบางโฉลงนอก
6.วัดสลุด
7.รร.คลองบางกระบือ
8.ศาลพ่อหลวง
ขอบคุณข้อมูล-ภาพ จาก /FM91/จส.100/ห้อง 61 อัศวินภัย