จากกรณีที่เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 64 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติออก "มาตรการเยียวยาโควิด" ล่าสุด โดยหนึ่งในนั้นคือ "เยียวยาลูกจ้าง" ผู้ประกันตน ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 (ม.33)
ที่ได้รับผลกระทบ จากการประกาศเคอร์ฟิว และมาตรการล็อกดาวน์ หรือ ข้อกำหนดศบค. ฉบับที่ 27 พื้นที่สีแดงเข้ม หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด
ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลาและสงขลา
โดยมาตรการเยียวยาลูกจ้าง ม.33 รวม 10,000 บาท มี 2 ส่วน ดังนี้
แต่ทั้งนี้ การเยียวยาลูกจ้าง ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ที่จะได้รับเงินเยียวยารวม 10,000 บาทนั้น นอกจากจะต้องอยู่ในพื้นที่ 10 จังหวัด พื้นที่สีแดงเข้ม และต้องทำงานในกิจการ 9 หมวด ของประกันสังคม ประกอบด้วย
และนอกจากการเยียวยาลูกจ้างแล้ว ยังมีการเยียวยานายจ้าง ม.33 ด้วยเช่นกัน ดังนี้
ทั้งนี้ หากนายจ้าง(ผู้ประกอบการ) มีลูกจ้าง 200 คน หรือ มากกว่า 200 คน จะได้รับเงินเยียวยารวมสูงสุด 600,000 บาท
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 13 ก.ค. 64 เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วน กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากข้อกำหนดฉบับที่ 27 เพื่อลดผลกระทบในระยะสั้นสำหรับกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการทั้งในและนอกระบบประกันสังคม
โดยเป็นการทดแทนมาตรการช่วยเหลือตามมติครม. เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 ระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือ 1 เดือน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมถึงกรอบวงเงินสำหรับมาตรการช่วยเหลือกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการว่า จำน 30,000 ล้านบาท สำหรับมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินและลูกหนี้สถาบันการเงินนั้น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย จะหารือกับธนาคารพาณิชย์
เพื่อดำเนินมาตรการผ่อนปรนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยหรือการเลื่อนงวดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของสถาบันการเงินด้วย
ซึ่งหลังจากนี้ ครม. ยังมีจะพิจารณามาตรการช่วยเหลือในระยะต่อไปโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศต่อไปด้วย