ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ความหวังเดียวในขณะนี้ก็คือ การฉีดวัคซีนต้านโควิดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนในประเทศของตนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด แต่ก็มีข้อจำกัดหลายประการทั้งในเรื่องของจำนวนการผลิต และราคาวัคซีนที่สูงอยู่
สำหรับประเทศไทยที่ผ่านมามีนักวิจัยจำนวนไม่น้อยที่ทุ่มเท ค้นคว้าศึกษาและทำงานวิจัยเพื่อพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิดที่สามารถผลิตได้เองภายในประเทศ
ข่าวดีล่าสุด นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาและวิจัย วัคซีนใบยา (Baiya SARS-CoV-2 VAX1) ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด19 ที่คิดค้นและฝีมือขึ้นจากนักวิจัยไทย ใจความว่า
คืบหน้า! วัคซีนใบยาป้องกันโควิด ฝีมือนักวิจัยไทย เตรียมทดสอบในมนุษย์ระยะแรก ก.ย.นี้
วัคซีนใบยา (Baiya SARS-CoV-2 VAX1) เป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด19 ฝีมือนักวิจัยไทย จาก บริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งผลิตจากโปรตีนพืชใบยาสูบที่เรียกว่า "โปรตีนซับยูนิตวัคซีน" เป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับที่โรงงานอุตสาหกรรมยาหลายแห่งทั่วโลกใช้ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมัน เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นต้น โดยผลิตวัคซีนตับอักเสบบีและวัคซีนมะเร็งปากมดลูกที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
สำหรับความคืบหน้า ขณะนี้มีโรงงานพร้อมผลิตวัคซีนแล้ว โดยทีมวิจัยจะส่งแบบโรงงานให้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบคุณภาพโรงงาน คาดว่า จะเริ่มผลิตวัคซีนได้ในอีก 2-3 สัปดาห์นี้
และเตรียมทดสอบในมนุษย์ระยะแรก ช่วงประมาณเดือนกันยายน 2564 ตามแผนที่วางไว้ โดยจะเปิดรับอาสาสมัครอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมนี้ ประมาณ 100 คน เป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีอายุระหว่าง 18-55 ปี และ 65-75 ปี
ทั้งนี้ เมื่อวัคซีนใบยา ผ่านการทดสอบตามกระบวนการเรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะสามารถผลิตให้คนไทยได้ใช้กันในช่วงกลางปี 2565 โดยประชาชนจะรับการฉีดวัคซีนจำนวน 2 เข็ม แต่ละเข็มห่างกัน 3 สัปดาห์ และจะขายในราคาต้นทุนประมาณเข็มละไม่เกิน 300 – 500 บาท