วานนี้ (15 ก.ค.64) นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ได้กล่าวถึงภารกิจขององค์การเภสัชกรรมกับสถานการณ์โควิด-19 ว่า องค์การฯไม่มีเหตุผลใดที่จะไปเตะถ่วงหรือทำให้การนำเข้าวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา ช้า ต้องการเห็นประเทศชาติรอดพ้นจากภัยคุกคามที่ร้ายแรงนี้เช่นเดียวกัน โดยพยายามเสาะแสวงหาวัคซีน mRNA ในแพลตฟอร์มใหม่ๆ เช่น วัคซีนโปรตีนซับยูนิต
โดยทำงานร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น นอกจากนี้ เรื่องยารักษาโรค เเละก็ผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ได้เองได้รับทะเบียนจาก อย.แล้ว
รวมทั้งยาใหม่ๆที่เป็น Trend การใช้ของต่างประเทศ อีกทั้งวัคซีนโควิดที่เราผลิตเองมีการวิจัยทดลองในมนุษย์เป็นแห่งแรกของประเทศ ซึ่งจะเริ่มการวิจัยในระยะที่ 2 ในเดือนหน้านี้ ยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก
ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้นช่วงนี้ว่า พยายามชี้แจงมาตลอดเวลา องค์การฯได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนภาครัฐในการเป็นตัวกลางอำนวยความสะดวกให้บริษัทซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา อำนวยความสะดวกเต็มที่
องค์การฯต้องบริหารจัดการภายใต้แนวทาง “No profit No loss กำไรไม่ต้องพูดถึง อย่าขาดทุนก็พอ” เเละทำงานร่วมกันกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชนซึ่งมีสมาชิกจำนวนมาก ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ จะเริ่มทยอยเซ็นสัญญาซื้อ-ขายและรับชำระเงินค่าวัคซีนจากโรงพยาบาลเอกชนต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นภายใน 21 กรกฎาคม นี้ เพื่อให้สามารถเซ็นสัญญากับบริษัทซิลลิคให้ได้โดยเร็วในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้
โดยวัคซีน 5 ล้านโดสแรกจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้และไตรมาส 1 ปีหน้า เป็นไปตามไทม์ไลน์ ไม่ล่าช้า และน่าจะดำเนินการได้เร็วกว่ากำหนดการเดิมด้วย
“ในวิกฤตินี้สะท้อนการทำงานที่เต็มไปด้วยอุปสรรค เวลาและเงื่อนไขหลายอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ‘ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว’ และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
องค์การฯและเจ้าหน้าที่ทุกคนไม่ได้ย่อท้อและยังคงมุ่งมั่นเดินหน้า ทุ่มเททำงานกันต่อไป เพื่อให้ภารกิจนี้เสร็จสิ้น เพื่อให้มีวัคซีนทางเลือกมาฉีดให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด” ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าว