สรุป"11มาตรการเข้ม" ล็อกดาวน์พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด

18 ก.ค. 2564 | 20:59 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ค. 2564 | 23:45 น.

สรุป "11 มาตรการ" ข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉบับที่ 28 และ คำสั่ง ศบค. ฉบับที่ 10/2564 ยกระดับมาตรการควบคุมโควิด-19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด13 จังหวัด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 20 ก.ค. 2564

ราชกิจจาบุกเบกษา ได้เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) เพื่อกำหนดมาตรการที่จำเป็นและเร่งด่วน เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยให้มีผลบังคับใช้วันที่ 20 ก.ค. 64 เป็นต้นไป เว้นเฉพาะมาตรการขนส่งสาธารณะตามข้อ 6 ให้มีผลบังคับใช้วันที่ 21 ก.ค. 64 เป็นต้นไป

 

11 มาตรการเข้มควบคุมโควิด-19

 

1.ลดการออกนอกเคหสถานของประชาชน

ในจังหวัดที่กำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด

 

2.ปรับเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด13 จังหวัด ได้แก่

กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ นราธิวาสปัตตานี ยะลา และสงขลา

 

3.ให้ประชาชนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดลดและจำกัดการการเดินทาง หรืองดเว้นภารกิจที่ต้องเดินทางออกนอกเคหสถาน

ยกเว้น การเดินทางในบางกรณีที่จำเป็น เช่น จัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค ยาหรือเวชภัณฑ์ พบแพทย์ การรับวัคซีนป้องกันโรคหรือมีความจำเป็น เพื่อปฏิบัติงานที่ไม่สามารถปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งได้

ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความช่วยเหลือกระจายสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

 

4.กำหนดพื้นที่ห้ามออกนอกเคหะสถานเพิ่ม

ห้ามบุคคลใดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (13 จังหวัดตามข้อ 2)
ออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลา 21.00 น. ถึง 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วันนับแต่ข้อกำหนดนี้ใช้บังคับ

 

5.ตั้งจุดตรวจ คัดกรองการเดินทาง

เฉพาะเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในเส้นทางคมนาคม เข้า-ออก ไปยังพื้นที่อื่นอย่างน้อย 14 วัน

 

6.การขนส่งสาธารณะ

จำกัดจำนวนผู้โดยสารไม่เกินร้อยละ 50 ของความจุผู้โดยสาร

 

7.มาตรการควบคุมแบบบูรณาการเร่งด่วน
เฉพาะเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

ดำเนินการต่อเนื่องอย่างน้อย 14 วัน สำหรับการให้บริการดังต่อไปนี้
การจำ

  • หน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม เปิดบริการถึงเวลา 20.00 น. นำกลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น
  • ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่น ที่มีลักษณะคล้ายกันเปิดบริการเฉพาะแผนกซูเปอร์มาร์เก็ต แผนกยาและเวชภัณฑ์ พื้นที่ซึ่งจัดให้เป็นการให้บริการฉีดวัคซีน หรือบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขอื่น ๆ ของภาครัฐ เปิดดำเนินการถึงเวลา 20.00 น.
  • โรงแรม ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติ งดจัดประชุม สัมมนา หรือจัดเลี้ยง
  • ร้านสะดวกซื้อ และตลาดสด เปิดดำเนินการถึงเวลา 20.00 น.โดยจำกัดเวลาสำหรับร้านสะดวกซื้อให้บริการระหว่างเวลา 20.00 - 04.00 น.
  • โรงเรียน สถาบันการศึกษาหรือฝึกอบรม และสถานศึกษาต่างๆ ให้ปฏิบัติตามมาตรการ ที่ได้ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้

สำหรับการดำเนินการของโรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกแพทย์รักษาโรค ร้านขายยา ร้านค้าทั่วไป โรงงาน ธุรกิจหลักทรัพย์ธุรกรรมการเงิน ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ไปรษณีย์และพัสดุภัณฑ์ ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ ร้านขายาและเวชภัณฑ์ ร้านจำหน่ายเครื่องมือช่างและอุปกรณ์ก่อสร้าง ร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ดอันจำเป็น สถานที่จำหน่ายแก๊สหุงต้ม เชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส รวมทั้งบริการส่งสินค้าและอาหารตามสั่ง (delivery online) ยังคงเปิดดำเนินการได้ ตามความจำเป็น ให้ผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด

8.ห้ามจัดกิจกรรม

รวมกลุ่มของบุคคลมากกว่า 5 คน

 

9.ให้หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดดำเนินมาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งขั้นสูงสุดเต็มจำนวน

  • ให้ใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มากที่สุด
  • งดจัดกิจกรรมการรวมกลุ่มหรือเคลื่อนที่ของคนจำนวนมาก เช่น จัดประชุม สัมมนา
  • การปฏิบัติงาน ณ สถานที่ตั้งของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ให้เปิดให้บริการเฉพาะการกิจที่เกี่ยวข้องกับบริการสาธารณสุข การควบคุมโรคกิจการที่เกี่ยวข้องกับระบบสาธารณูปโภค การจราจร การบรรเทา สาธารณภัย การรักษาความสงบเรียบร้อย หรืองานที่มีกำหนด เวลาปฏิบัติชัดเจน และได้นัดหมายไว้แล้วล่วงหน้า

 

10.ให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ ภายใต้ ศบค.

พิจารณามาตรการและเร่งรัด การปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจอย่างเข้มข้น เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่รวดเร็วและชัดเจนเป็นรูปธรรม

 

11.การบังคับใช้มาตรการตามข้อกำหนด

ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและกำกับ การปฏิบัติตามมาตรการ
ข้อห้าม และข้อปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง
อย่างน้อย 14 วัน (จนถึงวันที่ 2 ส.ค. 2564)

 

คลิก :  อ่านราชกิจจานุเบกษา

 

ที่มา : ศูนย์ข้อมูล COVID-19