สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาครรายงานว่า ภายหลังจากที่ทาง อบจ.สมุทรสาคร ได้ร่วมกับ รพ.สมุทรสาคร เปิดรับจองวัคซีนซิโนฟาร์มตามที่ได้รับการจัดสรรมาจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ (ในระยะที่ 1) จำนวน 66,000 โด๊ส หรือ 33,000 คน เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ทางระบบ http://xn--42ci8ehayr8dwi.com/ ให้แก่ประชาชน 7 กลุ่มองค์กร ได้แก่ องค์กรการศึกษา องค์กรการกุศล องค์กรด้านการแพทย์และสาธารณสุข ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และ ชุมชนแออัด ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป และ ผู้ป่วยติดเตียง พระ นักบวช
นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดจองวัคซีนซิโนฟาร์มเสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น แผนการบริหารจัดการในขั้นตอนต่อไปเกี่ยวกับวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาครได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารโรงพยาบาลของรัฐทั้ง 3 แห่ง (รพ.สมุทรสาคร / รพ.กระทุ่มแบน / รพ.บ้านแพ้วฯ )
โดยอาศัยโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งเป็นจุดฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม โดยเฉพาะโรงพยาบาลสมุทรสาคร เนื่องดูแลพี่น้องประชาชนเขตอำเภอเมืองสมุทรสาครซึ่งมีจำนวนมาก ก็ได้มีการกำหนดจุดฉีดไว้ 2 จุด คือ ที่เซ็นทรัลพลาซา มหาชัย และที่ศูนย์การค้าแลนด์มาร์ค มหาชัย ซึ่งแต่ละจุดนั้นมีประชาชนที่เลือกจุดฉีดไว้คร่าวๆ
เบื้องต้น ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซามหาชัย มีผู้ประสงค์ลงทะเบียนฉีดประมาณ 9,000 คน ศูนย์การค้าแลนด์มาร์ค มหาชัย ประมาณ 10,000 คน โรงพยาบาลกระทุ่มแบน ประมาณ 9,500 คน โรงพยาบาลบ้านแพ้ว ประมา ณ 4,200 คน
โดยขณะนี้ได้มีการเสนอแผนแจ้งไปยังราชวิทยาลัย จุฬาภรณ์แล้วว่า ทางจังหวัดสมุทรสาครมีความพร้อมที่จะเริ่มฉีดได้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมนี้ ซึ่งแต่ละหน่วยสามารถฉีดได้วันละ 1,000 คน จากนี้ก็ต้องรอให้ราชวิทยาลัยจัดสรรวัคซีนมาให้ตามที่เราได้เสนอแผนไป ส่วนสาเหตุที่ต้องกำหนดเริ่มต้นเป็นวันที่ 7 สิงหาคม เพราะจะได้ไม่ไปกระทบกับการฉีดวัคซีนหลักของแต่ละโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง ที่มีความพร้อมจะเริ่มต้นในวันดังกล่าว
นายอุดม กล่าวอีกว่า สำหรับวัคซีนที่ได้มาในขณะนี้ ถ้าจะถามว่ามีความเพียงพอต่อพี่น้องชาวจังหวัดสมุทรสาครหรือยังนั้น ตอบได้เลยว่ายังคงไม่เพียงพอ เพราะจากการรายงานของผู้แทนสาธารณสุขที่แจ้งต่อคณะกรรมการโรคติดต่อครั้งที่ผ่านมาทราบว่า มีกลุ่มประชากรที่จะต้องฉีดวัคซีนประมาณ 900,000 กว่าคน ตอนนี้ฉีดไปได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าจะต้องให้ได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ถือว่ายังขาดอยู่อีกเป็นจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นต้องหาวัคซีนมาฉีดให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เนื่องจากจังหวัดสมุทรสาคร เป็นจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้มและมีการแพร่ระบาดค่อนข้างสูงในแต่ละวัน
นายก อบจ.กล่าวเสริมว่า ในด้านของรัฐบาลก็น่าจะพยายามหาวัคซีนที่เป็นที่ยอมรับ นำเข้ามาในประเทศไทย เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการฉีดให้ได้มากที่สุด เพราะวัคซีนแต่ละตัวต้องใช้ระยะเวลาในการรอพอสมควร
ดังนั้นถ้ามีวัคซีนตัวที่มีประสิทธิ์ในการป้องกันได้คล้ายๆกัน ก็น่าจะพยายามหาช่องทางที่จะนำวัคซีนเข้ามาฉีดให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว
นายอุดม ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า กลุ่มผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียงนั้น ทางด้านของ อบจ.สมุทรสาคร ก็ได้มีการหารือเพื่อวางแนวทางร่วมกันกับทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลของรัฐทั้ง 3 แห่งว่า คงต้องมีการจัดหารถโมบาย เพื่อที่จะนำวัคซีนเข้าไปให้กับผู้ป่วยติดเตียงตามบ้าน
โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร สนับสนุนในเรื่องของยานพาหนะพาทีมแพทย์ พยาบาลเพื่อไปฉีดให้กับพี่น้องประชาชนที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงที่มีการลงทะเบียนไว้กับ “สาครรวมใจ” เพื่อขอรับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม
ส่วนวัคซีนซิโนฟาร์ม ในส่วนที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาจากทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ตามจำนวนที่ อบจ.สมุทรสาคร ยื่นขอจัดซื้อไปทั้งหมด 200,000 โดส หรือ 100,000 คน ได้รับมาแล้ว 66,000 โดส หรือ 33,000 คน ก็ยังหวังว่าทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์มมาให้กับจังหวัดสมุทรสาครจนได้ครบทั้งหมด