รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดโควิด-19 ในต่างจังหวัด มีอัตราเพิ่มสูงกว่าในกรุงเทพเกือบสองเท่าตัว
จากสถานการณ์โควิดระบาดระลอกที่สาม
ช่วง 1 เมษายนถึง 7 สิงหาคม 2564
โดยมีจุดเริ่มต้น เกิดจากสถานบันเทิงในเขตกรุงเทพมหานคร และกระจายตัวไปสู่ 5 จังหวัดปริมณฑลอย่างรวดเร็ว และในที่สุดได้กระจายออกไปจนครบทุกจังหวัดอีก 71 จังหวัดนั้น
ในช่วงแรก ตั้งแต่ 1 เมษายนถึง 31 กรกฎาคม (ไม่นับผู้ติดเชื้อในเรือนจำ) จะพบผู้ติดเชื้อสะสม ดังนี้
กรุงเทพฯ 152,122 ราย
5 จังหวัดปริมณฑล 125,129 ราย
ต่างจังหวัด (71จว.) 241,584 ราย
แต่ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา (1-7 สิงหาคม) พบจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ เปรียบเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเดิม เพิ่มขึ้น ดังนี้
กรุงเทพฯ 26,788 ราย (17.61%)
ปริมณฑล 28,499 ราย (22.78%)
71 จังหวัด 80,734 ราย (33.42%)
จะเห็นได้ว่า สัดส่วนการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อในเขตต่างจังหวัด มีอัตราเพิ่มขึ้นสูงมากถึง 33.42% เมื่อเทียบกับกรุงเทพมหานคร ที่เพิ่มขึ้นเพียง 17.61% คิดเป็นสูงมากกว่า 1.90 เท่า
ปัจจัยที่ทำให้เกิดลักษณะของสถานการณ์ดังกล่าว มาจากเหตุปัจจัยหลายประการด้วยกัน อาทิเช่น มีการเดินทางกลับบ้านหลังจากมีมาตรการเข้มในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
มีสถานการณ์เตียงเต็มในโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนามในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ทำให้ผู้ติดเชื้อส่วนหนึ่งเดินทางกลับไปรักษาตัวเองที่ต่างจังหวัดในภูมิลำเนาบ้านเกิดของตนเอง
และในต่างจังหวัด ซึ่งมีผู้ติดเชื้อน้อยอยู่เดิม ยังมีมาตรการควบคุมการระบาดที่ไม่เข้มข้นมากนัก
จึงจำเป็นที่จะต้องออกแบบระบบมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มข้นขึ้นในเขตต่างจังหวัด
รวมทั้งต้องจัดระบบการดูแลรักษา ทั้งในลักษณะ HI : Home Isolation CI : Community Isolation โรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาลหลัก ให้สามารถรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
เพราะทิศทางการติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นในต่างจังหวัดนั้น มีแนวโน้มที่ชัดเจนแล้ว
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" รวบรวมตัวเลขสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19) วันที่ 8 สิงหาคม 64 จากศูนย์ข้อมูลโควิด-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า
ติดเชื้อเพิ่ม 19,983 ราย
ติดในระบบ 16,780 ราย
ติดจากตรวจเชิงรุก 2847 ราย
ติดในสถานกักตัว 6 ราย
ติดในเรือนจำ 350 ราย
สะสมระลอกที่สาม 727,642 ราย
สะสมทั้งหมด 756,505 ราย
รักษาตัวอยู่ 214,786 ราย
โรงพยาบาลหลัก 73,966 ราย
โรงพยาบาลสนาม 140,820 ราย
อาการหนัก 5157 ราย
ใช้เครื่องช่วยหายใจ 1070 ราย
ติดเชื้อเข้าข่าย/ATK 2577 ราย
สะสม 20,413 ราย
รักษาหาย 18,503 ราย
สะสม 508,089 ราย
เสียชีวิต 138 ราย
สะสมระลอกที่สาม 6110 ราย
สะสมทั้งหมด 6204 ราย
ฉีดวัคซีนสะสม 20.533 ล้านเข็ม
เข็มที่หนึ่ง 15.862 ล้านเข็ม
เข็มที่สอง 4.671 ล้านเข็ม