10 ส.ค.2564 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ใน เรือนจำและทัณฑสถาน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 398 ราย เป็นการพบในเรือนจำสีแดง 395 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 3 ราย รักษาหายเพิ่ม 710 ราย เสียชีวิต 1 ราย
ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 7,313 ราย แบ่งเป็น
เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 383 ราย ปริมณฑล 2,012 ราย และต่างจังหวัด 4,918 ราย
นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้ ไม่พบเรือนจำและทัณฑสถานระบาดเพิ่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 และมีเรือนจำสีแดงที่พ้นการระบาด 1 แห่ง คือ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดง (เรือนจำที่ยังมีการระบาดของโควิด-19) ทั้งสิ้น 35 แห่งทั่วประเทศ และเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 107 แห่ง
ทั้งนี้ มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 43,098 ราย หรือ 84.3% ของผู้ติดเชื้อสะสม 51,097 ราย เสียชีวิตสะสม 75 ราย คิดเป็นอัตรา 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสม
สำหรับผู้เสียชีวิตในวันนี้ (10 ส.ค.) เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางปัตตานี ซึ่งจากข้อมูลพบเป็นกลุ่มเปราะบาง และมีโรคประจำตัว แม้ว่าได้ดำเนินการดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และมีการส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง กรมราชทัณฑ์ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้พ้นโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2564 นั้น นอกจากผู้ต้องขังจะได้รับการอบรมตามโครงการพระราชทาน โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นโครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยแล้ว ผู้พ้นโทษจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
โดยในผู้ต้องขังที่ยังติดเชื้อ หากยินยอมจะได้รับการกักตัวเพื่อดูแลรักษาต่อในเรือนจำและทัณฑสถานจนครบระยะเวลา 14 วัน แต่หากไม่ยินยอม จะได้รับการดูแลในศูนย์พักพิงชั่วคราวบริเวณภายนอกเรือนจำ หรือส่งต่อเข้ารักษายังสถานพยาบาลภายนอกตามกระบวนการของกระทรวงสาธารณสุข
ส่วนในกลุ่มผู้ต้องขังที่ไม่ติดเชื้อจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อและแยกกักตัวเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน รวมทั้งตรวจซ้ำเป็นระยะเพื่อยืนยันผลก่อนปล่อย หากตรวจพบว่าติดเชื้อ จะเข้าสู่กระบวนการดูแลผู้ติดเชื้อตามที่กำหนด พร้อมแจ้งไปยังญาติให้ทราบถึงสถานที่ส่งตัวรักษา และติดตามอาการจนสิ้นสุดการรักษา เพื่อไม่ให้มีการนำเชื้อไปแพร่ระบาดภายนอกเรือนจำ ซึ่งเป็นแนวทางการปล่อยตัวผู้ต้องขังที่กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19