บัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน พรุ่งนี้ รับเงินช่วยเหลือค่าน้ำ-ไฟ เช็กเลย

17 ส.ค. 2564 | 06:51 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ส.ค. 2564 | 13:59 น.

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน วันที่ 18 ส.ค. กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง พร้อมโอนเงินช่วยเหลือค่าน้ำ ค่าไฟ ให้กับผู้ถือบัตรเช็กรายละเอียดที่นี่

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน เดือนสิงหาคม 2564 กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้โอนเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจนจำนวน 13.9 ล้านคน โดยเมื่อวันที่ 1 ส.ค. โอนเงินค่าสินค้า และ เงินเยียวยาพิเศษ ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ส.ค.คืนภาษี 5% สำหรับผู้เติมเงินและใช้จ่ายในร้านธงฟ้าราคาประหยัด

 

ล่าสุดพรุ่งนี้ 18 ส.ค. กรมบัญชีกลาง โอนสิทธิให้ผู้ถือบัตรอีกรอบดังนี้

  • ค่าไฟฟ้า 230 บาท 1 ครัวเรือนได้ 1 สิทธิ
  • เฉพาะผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้า พื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ โดยใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน ให้ใช้สิทธิค่าไฟฟ้าฟรี แต่หากใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน ให้ใช้สิทธิตามมาตรการนี้ วงเงิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
  • ค่าน้ำประปา 100 บาท 1 ครัวเรือนได้ 1 สิทธิ โดยยอดเงินรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ต้องไม่เกิน 100 บาท ต่อ 1 ทะเบียนผู้ใช้น้ำ หากเดือนใดมียอดเกิน 100 บาท จะไม่ได้รับสิทธิ และต้องชำระเองเต็มจำนวน

 

 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 ส.ค. กรมบัญชีกลาง โอนให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน ดังนี้ 

ส่วนที่หนึ่ง รายการซื้อของกินของใช้จำนวน 200 หรือ 300 บาท ใช้ได้เฉพาะร้านค้าประชารัฐเท่านั้น

  • คนละ 200 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ที่มีรายได้ 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
  • คนละ 300 บาทต่อเดือน แบ่งตามเกณฑ์รายได้ ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี
  • ต้องใช้จ่ายให้หมดทุกๆเดือนไม่สบทมเดือนถัดไป

 

เงินเยียวยาพิเศษเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ

  • เงินเยียวยาพิเศษช่วยเหลือบัตรสวัสดิการทั่วประเทศได้คนละ 200 บาท ใช้ซื้อสินค้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ ร้านค้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ไปใช้สิทธิยื่นบัตรและสแกน ณ ตอนนี้ เงินเหลือเท่าไหร่ เงินซื้อสองมีสองส่วน
  • วันที่ 1 ก.ค. 64 จำนวน 200 บาท
  • วันที่ 1 ส.ค.64 จำนวน 200 บาท
  • วันที่ 1 ก.ย.64 จำนวน 200 บาท
  • วันที่ 1 ต.ค.64 จำนวน 200 บาท
  • วันที่ 1 พ.ย64 จำนวน 200 บาท
  • วันที่ 1 ธ.ค.64 จำนวน 200 บาท.

 

ที่มา: กรมบัญชีกลาง