ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 3 สร้างภูมิคุ้มกันได้สูงต่อสายพันธุ์เดลตา-เบต้า

รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า    
Pfizer แจ้งผลรายงานเบื้องต้นว่า การฉีดกระตุ้นเข็ม 3 สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้สูง และได้ยื่นผลต่อ USFDA เพื่อประกอบการขออนุมัติฉีดเข็มสามต่อไป
A.Bourla CEO ของบริษัท Pfizer ได้แถลงข่าวว่า ทางบริษัทได้ยื่นเอกสารรายงานการทดลองทางคลินิกเบื้องต้น (Early stage clinical trial) ให้กับอย.สหรัฐ (USFDA) เพื่อประกอบการขออนุมัติฉีดกระตุ้นเข็มสามกับประชาชนทั่วไปที่มีอายุมากกว่า 16 ปีแล้ว
ทั้งนี้ในรายละเอียด เป็นการติดตามผู้รับวัคซีนสองเข็มของ Pfizer ที่ฉีดมาแล้วเมื่อ 8-9 เดือนก่อน
เมื่อนำมาฉีดกระตุ้นเข็มสาม แล้วติดตามดูระดับภูมิคุ้มกัน (NAb) พบว่าขึ้นสูงอย่างมีนัยสำคัญ มากกว่าระดับภูมิคุ้มกันหลังเข็มสอง ทั้งต่อไวรัสสายพันธุ์หลัก สายพันธุ์เบต้า และสายพันธุ์เดลตาด้วย
ส่วนผลของการทดลองในเฟสถัดมา จะติดตามมาในไม่ช้า และจะยื่นให้กับ อย.สหรัฐฯ อย.ประเทศต่างๆรวมทั้งยุโรปด้วย
ทั้งนี้ทางการสหรัฐยังไม่แนะนำให้ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 เพียงแต่อนุมัติให้ฉีดเข็ม 3 ในคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอได้

ผู้บริหารของ Pfizer และ Moderna ได้ออกข่าวมาเป็นระยะว่า วัคซีนฉีดครบสองเข็มแล้วนั้น เมื่อเวลาผ่านไปจะมีระดับภูมิคุ้มกันลดลง จำเป็นจะต้องมีการฉีดกระตุ้นเข็มสาม และอาจจะต้องฉีดเป็นประจำทุกปีเหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่
รายงานการศึกษาระดับภูมิคุ้มกันของการฉีด Pfizer 2 เข็ม มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างอิสราเอลกับอังกฤษ โดยที่อังกฤษพบว่าประสิทธิผลในการป้องกันโรคหลังจากฉีดวัคซีนสองเข็มต่อสายพันธุ์เดลตาได้ 88%

ในขณะที่อิสราเอล ประสิทธิผลลดลงเหลือเพียง 39% ในเดือนกรกฎาคม แต่ยังสามารถป้องกันอาการป่วยรุนแรงได้ 91% และป้องกันการนอนโรงพยาบาลได้ 88%
โดยก่อนหน้านั้น ตัวเลขในเดือนพฤษภาคมป้องกันการติดเชื้อได้ 95% เดือนมิถุนายนลดลงเหลือ 64% และกรกฎาคมเหลือ 39%
ในสิงคโปร์เอง ประสิทธิผลการป้องกันของวัคซีน Pfizer 2 เข็มในการป้องกันสายพันธุ์เดลตาก็อยู่ที่ประมาณ 69%

การฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ดูจะมีแนวโน้มเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ สำหรับในประชาชนทั่วไป
สำหรับประเทศไทยนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณ 9.3 พันล้านบาท เพื่อชำระค่าวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 20 ล้านโดส และมีมติให้สั่งซื้อเพิ่มอีก 10 ล้านโดส โดยคาดว่าจะส่งถึงประเทศไทยได้ช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทยนั้น จากรายงานของศูนย์ข้อมูลโควิด-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-16 ส.ค. 64 พบว่า มีการฉีดสะสมแล้วจำนวน 24,100,631 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 18,370,997 ราย ฉีดครบ 2 เข็มแล้วจำนวน 5,228,157 ราย และฉีดเข็มที่ 3 แล้วจำนวน 501,477 ราย