“รสนา ”ถามปลัด สธ. ฟาวิพิราเวียร์ คุ้มค่าเม็ดเงินกว่าหมื่นล้าน หรือไม่ !?

18 ส.ค. 2564 | 15:17 น.

“รสนา โตสิตระกูล” โพสเฟสบุ๊กถามปลัด สธ. ฟาวิพิราเวียร์ ยามาตราฐานต่ำ คุ้มค่าเม็ดเงินกว่าหมื่นล้าน ในการจัดซื้อของปลัด สธ.หรือไม่ !?

เฟสบุ๊คของรสนา โตสิตระกูล ได้เขียนลงในเฟสบุ๊คส่วนว่า ปรากฎเอกสารข้อสั่งการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ฉบับที่299 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ลงนามโดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งการมอบกลุ่มภารกิจสำรองเวชภัณฑ์และส่งกำลังบำรุงให้ดำเนินการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ เดือนสิงหาคม-กันยายน 124ล้านเม็ด และเดือนตุลาคม -ธันวาคมอีกเดือนละ 100ล้านเม็ด รวมทั้งสิ้น 424 ล้านเม็ด

“รสนา ”ถามปลัด สธ. ฟาวิพิราเวียร์  คุ้มค่าเม็ดเงินกว่าหมื่นล้าน หรือไม่ !?

ต่อมาในวันที่ 15 สิงหาคม 2564 HiTAP ซึ่งเป็นโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยเอกสารการทบทวนวรรณกรรมที่มีการตีพิมพ์ผลงานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิผลของยาฟาวิพิราเวียร์ที่มีการวิจัยทั้งหมดจำนวน 56 การศึกษาในมนุษย์ของยาฟาวิพิราเวียร์ที่ขึ้นทะเบียนกับ ClinicalTrials.gov ในจำนวนนี้ มี18 การศึกษาที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว

“รสนา ”ถามปลัด สธ. ฟาวิพิราเวียร์  คุ้มค่าเม็ดเงินกว่าหมื่นล้าน หรือไม่ !?

HiTAPได้ทบทวนวรรณกรรมอย่างรวดเร็วโดยเลือกเฉพาะงานวิจัยที่เป็นการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบจากฐานข้อมูล Medline ณ.วันที่ 9 สิงหาคม 2564 โดยเป็นงานวิจัยที่ศึกษาประสิทธิผลของฟาวิพิราเวียร์ที่ตีพิมพ์ในปี2564 เท่านั้น

“รสนา ”ถามปลัด สธ. ฟาวิพิราเวียร์  คุ้มค่าเม็ดเงินกว่าหมื่นล้าน หรือไม่ !?

“รสนา ”ถามปลัด สธ. ฟาวิพิราเวียร์  คุ้มค่าเม็ดเงินกว่าหมื่นล้าน หรือไม่ !?

วัตถุประสงค์เพื่อทราบประสิทธิผลของยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาโรคโควิดในประเทศต่างๆ และเพื่อทราบความปลอดภัยตลอดจนผลข้างเคียงของฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาโควิด

“รสนา ”ถามปลัด สธ. ฟาวิพิราเวียร์  คุ้มค่าเม็ดเงินกว่าหมื่นล้าน หรือไม่ !?

ตัวแปรที่ใช้วัดประสิทธิผลของยาฟาวิพิราเวียร์รักษาโควิด พบว่า1)ประเด็นการเสียชีวิต ผลการวิเคราะห์เชิงอภิมานด้านประสิทธิผลของฟาวิพิราเวียร์ต่อ”การเสียชีวิต” เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเปรียบเทียบ ผลที่พบ คือ ไม่มีความแตกต่าง

2)อัตราลดการใช้เครื่องช่วยหายใจ พบว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างคนใช้ และคนไม่ใช้ฟาวิพิราเวียร์

3)อัตราที่ต้องการเตียง ICU พบว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างคนใช้ และคนไม่ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์

4)พบอัตราส่วนผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นใน7วันอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่พบความแตกต่างใน14วัน

“รสนา ”ถามปลัด สธ. ฟาวิพิราเวียร์  คุ้มค่าเม็ดเงินกว่าหมื่นล้าน หรือไม่ !?

5)พบว่าอัตราส่วนในการขจัดไวรัสในผู้ป่วยที่รับยาฟาวิพิราเวียร์ ที่7,10,14 วันไม่มีความแตกต่าง

6)พบประสิทธิผลว่าฟาวิพิราเวียร์ช่วยลดอาการทางคลินิกได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ประสิทธิผลด้านอื่นยังไม่พบว่าแตกต่างจากกลุ่มเปรียบเทียบอื่นอย่างมีนัยสำคัญ

HiTAPจึงเสนอแนวทางนโยบายให้เผยแพร่ให้แพทย์และบุคคลากรและประชาชนให้ทราบถึงข้อจำกัดของหลักฐานด้านประสิทธิผลของยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาโควิด และแม้ฟาวิพิราเวียร์จะมีผลข้างเคียงน้อย แต่อาจส่งผลรุนแรงต่อผู้ป่วยตับไต และหญิงตั้งครรภ์ จึงเสนอให้มีการแก้ไขเวชปฏิบัติในการสั่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ โดยเสนอให้อาศัยยาในบัญชียาหลักอื่นที่มีราคาถูกกว่าฟาวิพิราเวียร์แต่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า

“รสนา ”ถามปลัด สธ. ฟาวิพิราเวียร์  คุ้มค่าเม็ดเงินกว่าหมื่นล้าน หรือไม่ !?

แม้HiTAPจะไม่ได้เอ่ยถึงยาฟ้าทะลายโจร แต่ยาฟ้าทะลายโจรก็อยู่ในบัญชียาหลัก ที่ผลิตได้เองในประเทศและมีราคาถูกกว่า มีความปลอดภัย ยังไม่มีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่าฟ้าทะลายโจรมีพิษต่อตับไตเมื่อใช้ในขนาดที่เหมาะสม ที่สำคัญคือ ฟ้าทะลายโจรยังเป็นความมั่นคงทางยาของประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายจากท่านนายกรัฐมนตรี ให้ใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดที่มีอาการน้อยถึงปานกลาง จนมีการตั้งคณะกรรมการฟ้าทะลายโจรแห่งชาติ เมื่อ27 กรกฎาคม 2564 แต่ปรากฎว่าปลัดกระทรวงสาธารณสุขกลับมีข้อสั่งการให้ซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ถึงธันวาคม ปีนี้ถึง 424 ล้านเม็ด

ดิฉันเคยสอบถามราคาฟาวิพิราเวียร์ในปัจจุบันจากเลขาธิการสปสช. ทราบว่าสปสช.มีการขออนุมัติจัดซื้อฟาวิพิราเวียร์จำนวน 27ล้านเม็ดในราคาเม็ดละ 33บาท

แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขเป็นการสั่งการจัดซื้อต่างหากจากสปสช.อีกจำนวน 424 ล้านเม็ด หากจัดซื้อในราคาเดียวกับสปสชที่ราคาเม็ดละ 33บาท การจัดซื้อของกระทรวงสาธารณสุขจะมีมูลค่าอย่างน้อยถึง 13,992 ล้านบาท

จากการประเมินประสิทธผลยาฟาวิพิราเวียร์ของ HiTAP ว่ามีประสิทธิผลต่ำมากในการใช้รักษาโควิด ดังนั้นการใช้งบประมาณเงินกู้เพื่อแก้ปัญหาโควิดในการซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ถึง 13,992ล้านบาทเป็นการเดินผิดทางหรือไม่ 

เป็นการใช้จ่ายเงินกู้ที่ขาดความประหยัด ขาดประสิทธิภาพ ขาดการคำนึงถึงประชาชนที่เป็นผู้แบกรับหนี้เงินกู้ เป็นการใช้จ่ายเงินกู้แบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ใช่หรือไม่

ปลัดกระทรวงสาธารณสุขสมควรปฏิบัติตามนโยบายทั้งของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงที่สนับสนุนให้ใช้ฟ้าทะลายโจรสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการน้อยถึงปานกลาง ซึ่งเป็นผู้ป่วยในโซนสีเขียว ที่มีปริมาณ80% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด การสนับสนุนให้มีการใช้ฟ้าทะลายโจรในกลุ่มคนไข้โซนสีเขียว จะเป็นการประหยัดงบประมาณ เพราะฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่ผลิตได้ในประเทศ มีสรรพคุณเป็นที่ประจักษ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขจึงสมควรสั่งซื้อยาฟ้าทะลายโจรที่เป็นของผลิตได้ในประเทศ สำหรับใช้รักษาผู้ป่วยด้วย โดยลดปริมาณยาฟาวิพิราเวียร์ลงไป จะเป็นการใช้จ่ายเงินของประชาชนอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย

จึงขอเรียกร้องให้ท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บัญชาเหตุการณ์ และเคยประกาศนโยบายสนับสนุนการใช้ฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยโควิด ได้โปรดบัญชาให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขระงับการนำเข้ายาฟาวิพิราเวียร์ในจำนวนมหาศาลเกินความจำเป็น เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่ามีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างสมเหตุสมผล มีความประหยัด และคำนึงถึงการพึ่งตนเองในท่ามกลางโรคระบาดที่ประเทศชาติต้องใช้จ่ายเงินกู้ที่ประชาชนต้องแบกรับเป็นจำนวนมหาศาลโดยคำนึงอย่างรอบคอบถึงความมีประสิทธิภาพ ความประหยัด ความสมเหตุสมผล และความคุ้มค่าด้วย

รสนา โตสิตระกูล

18 สิงหาคม 2564