แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าในขณะนี้ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT อยู่ระหว่างการหารือกับสายการบินต่างๆ เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้โดยสาร “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” สามารถทำการบินเข้า-ออก สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้มได้
หลังจากที่ผ่านมาประกาศห้ามบินในประเทศเข้า-ออกในพื้นที่สีแดงเข้มของกพท. แม้จะมีการยกเว้นเรื่องที่เกี่ยวกับโครงการพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวหรือแซนด์บ็อกซ์ แต่ด้วยปริมาณผู้โดยสารขาออกจากสนามบินที่น้อยมาก รวมถึงประกาศของจังหวัดภูเก็ตที่ห้ามคนเดินทางเข้าภูเก็ต ยกเว้นคน16 กลุ่ม ทำให้สายการบินไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้
ดังนั้นเพื่อปลดล็อกปัญหาในเรื่องนี้ ในเบื้องต้นผู้โดยสารเดินทางมาจากต่างประเทศ ที่เข้ามาต่อเครื่องบิน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง สามารถเดินทางมาต่อเที่ยวบินภายในประเทศเข้า
ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ โดยให้สายการบินที่ทำการบินในประเทศจะต้องไปประสานงานกับสายการบินระหว่างประเทศที่เปิดทำการบินเข้ามา
เพื่อรวบรวมจำนวนผู้โดยสารจากเที่ยวบินระหว่างประเทศเหล่านี้ และเปิดเที่ยวบินพิเศษ หรือเที่ยวบินseal route (เฉพาะผู้โดยสารจากต่างประเทศเท่านั้น)ทำการบินเข้าสู่ภูเก็ต ส่วนขาออกจากภูเก็ตสายการบินก็จะสามารถนำผู้โดยสารจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ กลับมาสนามบินต้นทาง คือ สนามบินสุวรรณภูมิ หรือสนามบินดอนเมืองได้ ในรูปแบบเดียวกันโครงการ “สมุยพลัส”
ทั้งนี้ ผู้โดยสารที่จะเดินทางมากับเที่ยวบิน seal routeได้ ประกอบด้วย 2 ประเภท คือ
1. จะต้องเป็นผู้ที่กักตัวครบ 14 วันแล้วสามารถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ได้ตามปกติ และ
2.ผู้โดยสารต่างประเทศที่กักตัวยังไม่ครบ 14 วัน แต่ต้องการเดินทางกลับประเทศ สามารถเดินทางมาได้โดยผ่านกระบวนการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจากสนามบินภูเก็ต บินเข้าสนามบินสุวรรณภูมิแล้วพักรอ จากนั้นสามารถบินออกนอกประเทศได้เลย
ที่ผ่านมาด้วยมาตรการควบคุมการคัดกรองการเดินทางเข้าภูเก็ต ทำให้สายการบินต้องตีเครื่องบินเปล่าจากกรุงเทพฯเพื่อไปรับผู้โดยสารจากภูเก็ตออกมา ทำให้สายการบินส่วนใหญ่ไม่สามารถเปิดทำการบินเข้าภูเก็ตได้
ดังนั้นกพท.จึงเปิดช่องทางให้สายการบินในประเทศติดต่อกับสายการบินระหว่างประเทศที่มีเที่ยวบินเข้ากรุงเทพแต่ไม่มีเที่ยวบินเข้าภูเก็ต รวบรวบนักท่องเที่ยว เพื่อให้มีผู้โดยสารขาเข้าไปยังสนามบินภูเก็ตได้
สายการบินก็จะได้เปิดให้บริการได้ และทำให้ค่าตั๋วเครื่องบินราคาถูกลง เพราะไม่ต้องตีเครื่องเปล่าออกจากสนามบินต้นทาง โดยถ้าสายการบินไหนดำเนินการได้ก็จะให้เริ่มได้ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคมนี้
นอกจากนี้ยังจะมีการขยายระยะเวลาในการต่อเครื่อง และเปลี่ยนเครื่อง (Transit/Transfer ) ที่สนามบินให้กับผู้โดยสาร โดยขยายเวลา เป็น 24 ชม.จากเดิมจำกัดไม่เกิน 12 ชม. เบื้องต้นสนามบินจะทำการจัดพื้นที่เป็นการเฉพาะให้ด้วย