นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาล ระบุว่า จากข้อสังเกตที่ว่า เหตุใดรัฐบาลจึงสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติมอีก 12 ล้านโดส แทนที่จะจัดซื้อชนิด mRNA มากกว่านี้ ทั้งนี้ ไทยมีการฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 25 ล้านโดส
โดยเป็นเข็ม 1 จำนวน 19.1 ล้านโดส เป็นเข็มที่ 2 จำนวน 5.5 ล้านโดสและเป็นเข็มที่ 3 จำนวน 5.2 แสนโดส ซึ่งจากการเก็บข้อมูลผลการฉีด พบว่า คนที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม จะมีภูมิขึ้นในระดับหนึ่ง
ส่วนที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม จะมีภูมิมากกว่าซิโนแวค 2 เข็มเล็กน้อย แต่คนที่ฉีดซิโนแวคเป็นเข็มแรก และแอสตราเซนเนก้าเป็นเข็มสอง จะมีภูมิมากกว่าฉีดแบบสองชนิดแรกเกือบ 4 เท่า จึงเป็นนัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทย เริ่มมีการฉีดวัคซีนแบบไขว้ และที่สำคัญ WHO หรือองค์การอนามัยโลกให้การยอมรับวิธีการฉีดแบบนี้
ดังนั้น จากนี้ไปไทยจะฉีดซิโนแวคให้ประชาชนทั่วไปเป็นเข็ม 1 แล้วตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็ม 2 ซึ่งจะทำให้ภูมิสูงขึ้น และลดอาการป่วยรุนแรง และเป็นที่มาที่รัฐบาลสั่งซิโนแวคเข้ามาเพิ่มเติมอีก 12 ล้านโดสในช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณกว่า 9.4 พันล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อวัคซีนชนิด mRNA ยี่ห้อไฟเซอร์เข้ามา 20 ล้านโดส และเห็นชอบให้กรมควบคุมโรคลงนามสั่งซื้ออีก 10 ล้านโดส รวมเป็น 30 ล้านโดส โดยจะเริ่มรับมอบได้ในต้นเดือนตุลาคมนี้ หรืออาจจะเป็นในช่วงปลายเดือนกันยายน
นอกจากนั้น ยังได้รับการยืนยันจากทางสหรัฐอเมริกาว่าจะช่วยเหลือไทยด้วยการบริจาควัคซีนเพิ่มเติมอีก 1 ล้านโดสที่จะส่งได้ในเร็วๆนี้