มาตรการล็อกดาวน์ที่ผ่านมา “ล้มเหลว” แต่ก็อยากให้ไปต่อ

29 ส.ค. 2564 | 00:31 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ส.ค. 2564 | 07:42 น.

“นิด้าโพล” ชี้ ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า มาตรการล็อกดาวน์ที่ผ่านมาล้มเหลวเพราะขาดความเข้มงวด คนไม่ให้ความร่วมมือ แต่ถ้าถามว่าจะให้ล็อกดาวน์ต่อไหม ส่วนใหญ่ให้ไปต่อโดยให้เพิ่มบทลงโทษ-เสริมความเข้มงวด หากยกเลิกล็อกดาวน์ตอนนี้ ก็กังวลว่าการระบาดจะพุ่งขึ้นอีก   

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยวันนี้ (29 ส.ค.) ผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “มาตรการล็อกดาวน์ ควรไปต่อหรือไม่” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 23 – 26 สิงหาคม 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,312 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับมาตรการล็อกดาวน์ ควรไปต่อหรือไม่

 

การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้    ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0

มาตรการล็อกดาวน์ที่ผ่านมา “ล้มเหลว”  แต่ก็อยากให้ไปต่อ

จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึง การประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากมาตรการล็อกดาวน์ในปัจจุบัน พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 35.67 ระบุว่า ไม่ประสบความสำเร็จเลย เพราะ การล็อกดาวน์ไม่มีความเข้มงวด มีการล็อกดาวน์ แค่บางพื้นที่ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ยังคงดำเนินชีวิตอย่างปกติ ทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น รองลงมา ร้อยละ 28.81 ระบุว่า ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เพราะ ประชาชนบางส่วนไม่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามที่รัฐกำหนด และบางคนก็ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ร้อยละ 26.83 ระบุว่า ค่อนข้างประสบความสำเร็จ เพราะ ประชาชนมีการปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด งดการรวมตัว ทำให้ลดการแพร่ระบาดลงได้ ร้อยละ 6.17 ระบุว่า ประสบความสำเร็จมาก เพราะ มีการจำกัดการเดินทางทำให้ลดการแพร่ระบาดของเชื้อลงได้ และร้อยละ 2.52 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ

 

ส่วนความคิดเห็นของประชาชนต่อ การดำเนินการมาตรการล็อกดาวน์เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 26.14 ระบุว่า ควรดำเนินการต่อ แต่ให้มีมาตรการเข้มข้นขึ้น เพราะ มาตรการต่าง ๆ ต้องจริงจัง และบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับคนที่  ฝ่าฝืน เพื่อให้ประชาชนจะได้หยุดการเดินทาง ลดการเดินทางข้ามจังหวัด ลดการรวมตัวมากยิ่งขึ้น และควรดำเนินการต่อ แต่ให้ผ่อนคลายมาตรการลง เพราะ บางพื้นที่ยอดผู้ติดเชื้อลดลงแล้ว และประชาชนบางส่วนก็ได้รับวัคซีนแล้ว ในสัดส่วนที่เท่ากัน

 

รองลงมา ร้อยละ 24.16 ระบุว่า ไม่ควรดำเนินการต่อ เพราะ ถึงแม้จะมีมาตรการล็อกดาวน์ยังไงก็ยังมีจำนวนยอดผู้ติดเชื้อเยอะอยู่ดี รัฐบาลควรจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพมาฉีดให้แก่ประชาชน ขณะที่บางส่วนระบุว่า ประชาชนส่วนมากได้รับผลกระทบในเรื่องของการไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ร้อยละ 21.27 ระบุว่า ควรดำเนินการต่อเหมือนเดิม เพราะ มาตรการเป็นการควบคุมที่พอดี มีการควบคุมเฉพาะพื้นที่เสี่ยงเท่านั้น ประชาชนยังสามารถประกอบอาชีพและเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก และร้อยละ 2.29 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ

 

ด้านความกังวล ว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากขึ้น หากมีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ หรือมีการผ่อนคลายมาตรการลง พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 33.38 ระบุว่า ค่อนข้างกังวล รองลงมา ร้อยละ 31.33 ระบุว่า กังวลมาก ร้อยละ 18.45 ระบุว่า ไม่กังวลเลย ร้อยละ 16.54 ระบุว่า ไม่ค่อยกังวล และร้อยละ 0.30 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ

 

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึง การยอมรับถ้ามีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ หรือมีการผ่อนคลายมาตรการลง แต่ทำให้มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพิ่มขึ้น พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 30.26 ระบุว่า ค่อนข้างยอมรับได้ รองลงมา ร้อยละ 29.42 ระบุว่า ไม่ยอมรับเลย ร้อยละ 25.30 ระบุว่า ยอมรับได้แน่นอน ร้อยละ 14.18 ระบุว่า ไม่ค่อยยอมรับ และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ