ปลดล็อกชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองจ่อขายในร้านขายยาทั่วประเทศ

31 ส.ค. 2564 | 08:35 น.

กรมควบคุมโรค ปลดล็อกชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เผย ปีนี้ชุดตรวจผ่านการขึ้นทะเบียนรับรองมาตรฐาน อย. 2 ชนิด รู้ผลไว เตรียมวางจำหน่ายในร้านขายยาทั่วประเทศสิ้นเดือนสิงหาคมนี้

31 สิงหาคม 2564 นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทยว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการตามปฏิญญาทางการเมืองที่ประกาศมุ่งมั่นยุติปัญหาเอดส์ภายในปี 2573 หรือในอีก 9 ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ไม่เกิน 1,000 ราย/ปี ลดการเสียชีวิตจากเอดส์ ไม่เกิน 4,000 ราย/ปี และลดการรังเกียจตีตราและเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วย ให้ได้ร้อยละ 90

โดยผลการดำเนินงานได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเครือข่ายภาค ประชาสังคมเป็นอย่างดี ทำให้สถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวี ในประเทศขณะนี้ดีขึ้นเรื่อย ๆ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง โดยในปี 2563 ที่ผ่านมาพบ 4,855 ราย

สำหรับปี 2564 นี้มาตรการที่ไทยจะนำมาใช้แก้ไขปัญหาเอดส์ คือ การสนับสนุนให้ประชาชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสามารถใช้ชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเบื้องต้นด้วยตนเองได้ ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ขับเคลื่อนร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) หน่วยงานอื่นๆ ตั้งแต่ พ.ศ.2558 เป็นต้นมา

ตามมติคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนรู้สถานการณ์ติดเชื้อของตนเอง โดยในปี 2564 มีชุดทดสอบผ่านการขึ้นทะเบียนรับรองมาตรฐานจาก อย.แล้ว 2 ชนิด คือ

1.ชุดตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีจากการเจาะเลือดปลายนิ้วมือ รู้ผลภายใน 1 นาที

2.ชุดตรวจโดยการใช้น้ำลายอ่านผลได้ใน 20 นาที

โดยเตรียมวางจำหน่าย ในร้านขายยาแผนปัจจุบันทั่วประเทศตั้งแต่สิ้นเดือนสิงหาคม 2564 นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะสอดรับกับข้อจำกัดในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงหรือสงสัยว่าติดเชื้อ ไม่สามารถไปตรวจหาเชื้อที่สถานพยาบาลตามปกติ

ชุดทดสอบนี้จะทำให้ประชาชนนำไปใช้ตรวจคัดกรองการติดเชื้อเบื้องต้น เพื่อให้รู้สถานะการติดเชื้อของตนเองได้เร็ว และตรวจยืนยันอีกครั้งที่สถานพยาบาล หากพบว่าติดเชื้อจะเข้าสู่ระบบดูแลรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวีในสถานพยาบาลทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็วตามสิทธิการรักษา จนสามารถลดเชื้อไวรัสในกระแสเลือดได้ และไม่สามารถถ่ายทอดเชื้อสู่คนอื่น

นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค

ชุดตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยตนเองถือว่า เป็นทางเลือกใหม่ที่จะเพิ่มการเข้าถึงการตรวจหาเชื้อได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยง 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์ชาย กลุ่มหญิงข้ามเพศ กลุ่มพนักงานบริการ ผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น และประชาชนทั่วไป

หากพบว่า ติดเชื้อก็สามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างรวดเร็ว ซึ่งในอนาคตนี้ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์จะนำไปสู่การปรับสูตรยาให้กินง่ายขึ้น ทั้งขนาดและจำนวนลดลง และลดอาการแทรกซ้อนหรือผลกระทบระยะยาวต่อร่างกาย จะทำให้ผู้ติดเชื้อมีคุณภาพชีวิตดีเหมือนคนปกติ

ด้าน พญ.ชีวนันท์ เลิศพิริยสุวัฒน์  ผู้อำนวยการกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กล่าวเสริมว่า จากการประชุมเชิงปฏิบัติการของสมาคมโรคเอดส์ ครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาได้เปรียบเทียบสถานการณ์การแพร่ระบาดของการติดเชื้อเอชไอวีและโรคโควิด 19 ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเหมือนกัน

แต่ความรุนแรงและแนวทางในการป้องกันควบคุมโรค ต้องใช้วิธีการและเทคโนโลยีด้านการตรวจคัดกรอง การดูแลรักษาที่แตกต่างกัน โดยการติดเชื้อเอชไอวีมีการระบาดทั่วโลกตั้งแต่ปี 2524 จนถึงขณะนี้เกือบ 40 ปีแล้ว มีผู้ติดเชื้อทั่วโลก จำนวน 37.7 ล้านราย เสียชีวิต 36 ล้านราย

สาเหตุการติดเชื้อมาจากเพศสัมพันธ์และทางเลือด โดยปัจจุบันมียาต้านไวรัสรักษา และได้ผลดีมาก สามารถลดจำนวนเชื้อไวรัสเอชไอวีในกระแสเลือดลดลงได้มาก

ส่วนวัคซีนในการป้องกันไวรัสเอชไอวีขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยในเฟสที่ 3 ดังนั้น มาตรการการป้องกันหลักยังเน้นการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

รวมทั้งการกินยาต้านไวรัสสำหรับป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อหรือเพร็พ (PrEP) โดยสรุปแล้วปัญหาการติดเชื้อเอชไอวีส่งผลกระทบระดับโลกในระดับสูง

สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2527–2563 รวมเกือบ 36 ปี มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมที่ยังมีชีวิตอยู่ 462,376 คน ในปี 2563 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,855 คน เสียชีวิต 11,882 คน

ผู้ติดเชื้อที่ยังมีชีวิตรู้สถานะการติดเชื้อของตนเองร้อยละ 94.3 ขณะนี้อยู่ในระบบการรักษาในสถานพยาบาลทั่วประเทศด้วยยาต้านไวรัสร้อยละ  83.5 ในจำนวนนี้สามารถกดไวรัสได้สำเร็จ ร้อยละ 97.2 จึงเชื่อมั่นว่า เราจะประสบผลสำเร็จในการยุติปัญหาได้ตามเป้าหมาย

 

ปลดล็อกชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองจ่อขายในร้านขายยาทั่วประเทศ