หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 3 กันยายน 2564
+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มราวร้อยละ 2 จากความหวังเศรษฐกิจฟื้นตัวและความต้องการใช้น้ำมันปรับเพิ่มขึ้น หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 340,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน หรือนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ในเดือน มี.ค. 63
+ กลุ่มโอเปกและพันธมิตรปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในปี 65 สู่ระดับ 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่ระดับ 3.28 ล้านบาร์เรลต่อวัน
+/-นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐฯที่จะรายงานในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากเฟดส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับลดลงวงเงิน QE ก่อนสิ้นปีนี้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการใช้น้ำมันในเอเชียปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการใช้น้ำมันในยุโรปปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับปริมาณการส่งน้ำมันจากสหรัฐฯ ปรับลดลงจากผลกระทบของเฮอริเคนไอด้า
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 69.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.2564
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 73.03 ดอลลาร์/บาร์เรล