พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.แถลงสถานการณืประจำวัน(3 ก.ย.64)ช่วงหนึ่งว่า รายงานผู้เชื้อชีวิตวันนี้ 271 ราย พบมีหญิงครรภ์เสียชีวิต 1 ราย
กรมอนามัยมีการนำข้อมูลเสนอในที่ประชุมศบค.ชุดเล็ก เกี่ยวกับกรณีหญิงตั้งครรภ์ เป็นกราฟให้เห็น มีการพบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อประปรายตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่จะเห็นว่าในเดือนสิงหาคม ก้าวกระโดด 1,506 ราย ที่น่าเสียใจที่สุดมีการรายงานเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 1-2 ราย นอกจากแม่เสียชีวิตแล้ว ยังมีทารกเสียชีวิตด้วย ในจำนวนแม่ที่เสียชีวิต 50% ทารกเสียชีวิตพร้อมแม่ อีก 50% คุณหมอทีมสูตินารีเวชสามารถช่วยชีวิตไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตามครอบครัวก็สูญเสียคุณแม่ไป
นอกจากนี้หลังคลอดแล้ว ยังพบว่า ระหว่างให้นมบุตรก็ยังมีการติดเชื้อระหว่างแม่กับลูกอีกด้วย
ดังนั้นในส่วนของกรมอนามัยได้มีการหารือกับทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของกระทรวงแรงงาน เนื่องจากคุณแม่เหล่านี้ก็ยังเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอีกมากมาย กระทรวง พม. ราชวิทยาลัยสูตินารีแพทย์ ร่วมกับมหาดไทย และกทม.ได้ข้อสรุปเสนอที่ประชุมอีโอซีและนำเสนอ ศปก.ศบค.เมื่อวานนี้(2 ก.ย.) เป็นข้อสรุปร่วมกันว่า
ขอให้ทุกโรงพยาบาลที่รับดูแลหญิงฝากครรภ์ หากมีครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ ขอให้เร่งติดตามหญิงตั้งครรภ์เหล่านี้มารับวัคซีนโควิดได้ที่โรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ แม้ว่าคลอดไปแล้ว ก็ต้องตามมารับวัคซีนในช่วงที่ให้นมบุตรด้วย
นอกจากการให้วัคซีน ก็ยังมีมาตรการดูแลรักษา หากหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ ขอให้โรงพยาบาลที่รับฝากครรภ์ดูแลคุณแม่เหล่านี้ด้วย กรณีที่โรงพยาบาลไม่มีศักยภาพ ซึ่งอาจจะเป็นศูนย์อนามัยที่อาจจะไม่มีความพร้อม ขอให้ส่งต่อระบบดูแลผู้ป่วยโควิด ยกเว้นแต่กรณีฉุกเฉินอันตราย เช่น มีภาวะตกเลือด น้ำเดิน ครรภ์เป็นพิษ มีการพบว่า เด็กดิ้นน้อยลง มารดาเจ็บครรภ์ ขอให้โรงพยาบาลใกล้บ้านให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินให้กับหญิงตั้งครรภ์เหล่านี้
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อไปว่า จากรายงานตัวเลขในส่วนของการฉีดวัคซีน โดยรณรงค์ฉีดวัคซีนให้กลุ่ม 607 คือ ผู้สูงอายุ , 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ในส่วนของผู้หญิงตั้งครรภ์ ตัวเลขประมาณการณ์ จะมีผู้หญิงตั้งครรภ์ ที่มีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ ควรเข้ามาฉีดวัคซีนทั่วประเทศประมาณ 500,000 ราย มีเพียง 45,437 ราย ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 คิดเป็น 9.1% ส่วนเข็ม 2 ยิ่งน้อยกว่ามีเพียง 4,983 ราย คิดเป็น 1% เท่านั้น คงต้องเน้นย้ำไปที่ทุกจังหวัด ต้องเร่งระดมค้นหากลุ่มหญิงตั้งครรภ์ให้ได้รับการฉีดวัคซีน