นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ตนได้ประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการบังคับใช้ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ร่วมกับ นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายสาคร ตั้งวรรณวิบูลย์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา นายปกรณ์ ยิ่งวรการ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำสำนักประธานศาลฎีกา นายรุ่งศักดิ์ วงศ์กระสันต์ รองประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลอุธรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเป็นการปรึกษาขอความรู้ ให้การบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้เดินหน้าไปได้ เพราะตามนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของตนนั้น จะเน้นมุ่งเน้นไปยังการสืบสาวหาตัวหัวหน้าผู้สั่งการ และการยึดทรัพย์ทลายเครือข่ายเป็นหลัก ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะมีเรื่องใหม่ๆ เช่น การยึดทรัพย์ตามมูลค่า หรือแวลูเบท ดังนั้น เราต้องหารือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง คือ ศาล อัยการ ตำรวจ ป.ป.ส.รวมไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพราะเป็นหน่วยงานหลักในการบังคับใช้กฎหมาย
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทางศาลและอัยการ ขอไปศึกษารายละเอียดของกฎหมาย เพื่อที่จะได้หาวิธีการปฏิบัติที่ง่าย และยังมีข้อกฎหมายบางมาตราที่อาจจะต้องตีความให้ชัดเจน เพื่อให้การบังคับใช้เป็นไปในแนวทางเดียวกันชี้แจงต่อผู้ปฏิบัติให้เข้าใจได้ง่าย เช่น การรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดี การยึดทรัพย์ในกรณีที่จับกุมผู้ทำผิดได้และจับไม่ได้ การบังคับใช้กฎหมายย้อนหลังซึ่งต้องมีการชั่งน้ำหนักระหว่างเรื่องสิทธิมนุษยชนกับการปกป้องสังคม
นอกจากนี้ทางศาลยุติธรรม ยังได้ขอให้กรมราชทัณฑ์ประสานงานร่วมกันในการสำรวจผู้ต้องขังในคดียาเสพติด เพราะกฎหมายใหม่จะมีการปรับโทษ บางส่วนอาจจะได้รับการปล่อยตัว จึงต้องมีการสำรวจร่วมกันเหมือนกรณีคดีพืชกระท่อม และการประชุมในครั้งต่อไปจะมีการเชิญผู้แทนจาก UNODC มาร่วมหารือด้วย เพื่อพูดคุยถึงแนวทางการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติดและแนวทางของต่างประเทศว่าเขายึดหลักการอะไรบ้าง เพื่อให้การทำงานของเราเป็นไปตามหลักสากลด้วย
"พวกที่ค้ายาเราจะใช้การบังคับใช้กฎหมายแบบกฎหมายอื่นไม่ได้ เพราะถือเป็นการฆ่าคนทางอ้อมและเป็นสิ่งที่ทำลายสังคมและประเทศ ดังนั้นเราต้องทำให้เขาหวาดกลัวไม่กล้าที่จะทำผิด ซึ่งหากเราจะเน้นไปที่การยึดทรัพย์ตัดวงจร เราต้องทำให้การยึดทรัพย์ทำได้ง่าย ตนเชื่อว่าหากเรายึดทรัพย์เครือข่ายได้หมด คนก็จะไม่กล้าขาย เพราะค้ายาเสพติดไม่ใช่แค่ติดคุก แต่จะถูกยึดทรัพย์จนหมดตัว ดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันคิด ว่าแนวทางใดที่จะทำให้การปฏิบัติทำได้ง่าย เพราะถ้าหากเรายังทำแบบเดิมเหมือนเมื่อก่อน ปีหนึ่งๆยึดได้ไม่เท่าไรและยาเสพติดก็ไม่ลดลงเลย"นายสมศักดิ์ กล่าว