เปิดตำนานวันไหว้พระจันทร์ 2564 เรื่องเล่าจากรุ่นสู่รุ่น

21 ก.ย. 2564 | 02:55 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.ย. 2564 | 09:56 น.

วันไหว้พระจันทร์ 2564 เปิด 2 ตำนานเรื่องเล่าจากรุ่นสู่รุ่น "เทพธิดาฉางเอ๋อเหินสู่ดวงจันทร์-กระต่ายหยกในพระจันทร์"

21 กันยายน 2564 เป็นวันไหว้พระจันทร์ของปีนี้ซึ่งทุก ๆ ปีจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน สำหรับวันไหว้พระจันทร์ถือเป็นเทศกาลที่คนเชื้อสายจีนให้ความสำคัญพอ ๆ กับเทศกาลตรุษจีนเลยทีเดียว ทั้งยังมีเรื่องเล่าและนิทานพื้นบ้านมากมายที่อธิบายเกี่ยวกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่เล่าสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นให้ลูกหลานได้ฟังมากมายว่า ทำไมจึงต้องเฉลิมฉลองให้กับพระจันทร์จนเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน 

ตำนานของเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ที่เล่าขานกันมากที่สุดเรื่องหนึ่ง คือ "เทพธิดาฉางเอ๋อเหินสู่ดวงจันทร์" ตำนานเทพปกรณัมของจีนที่เล่าสืบต่อกันมาว่า

เมื่อนานมาแล้วโลกมีดวงอาทิตย์มากถึง 10 ดวงจนทำให้แผ่นดินร้อนระอุเป็นไฟ ไร้ความอุดมสมบูรณ์เกิดความแห้งแล้งไปทั่ว "โฮ่วอี้" ชายหนุ่มผู้มีฝีมือแม่นยำในการยิงธนูจึงขันอาสาขจัดทุกข์ให้มนุษย์ด้วยการยิงธนูเข้าใส่ดวงอาทิตย์ กระทั่งเหลือดวงอาทิตย์เพียง 1 ดวง นับจากนั้นเป็นต้นเขาก็กลายเป็นวีรบุรุษที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือ

ต่อมา โฮ่วอี้ ได้แต่งงานกับ "ฉางเอ๋อ" หญิงงามนางหนึ่ง ระหว่างที่ทั้งคู่เดินทางขึ้นยอดเขาคุนหลุนนั้นทั้งคู่ได้รับยาอายุวัฒนะมาจากฮองเฮาแห่งสวรรค์ หากใครได้กินเข้าไปแล้วจะกลายเป็นเซียน เป็นเทพที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้แต่ทั้งคู่ก็ตัดสินใจเก็บยานั้นไว้และใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ต่อไป

ข่าวนี้ล่วงรู้ถึง "เผิงเหมิง" ลูกศิษย์ของโฮ่วอี้ที่มีใจคิดคดทรยศอาจารย์ ในวันที่โฮ่วอี้พาลูกศิษย์คนอื่นๆ ไปล่าสัตว์อยู่นั้น เขาได้ขู่บังคับให้ ฉางเอ๋อ มอบยาอายุวัฒนะให้ นางจึงตัดสินใจกินยาอายุวัฒนะนั้นจนหมดทำให้ร่างลอยขึ้นเหนือพื้นดิน เหาะเหินสู่สวรรค์แต่เพราะยังอาลัยรักสามีจึงเลือกไปเป็นเทพที่ดวงจันทร์แทน เนื่องจากอยู่ใกล้โลก เมื่อมองลงมาจะได้เห็นสามี

เมื่อ โฮ่วอี้ กลับมาบ้านทราบเรื่องเขาได้ร้องไห้เสียใจอย่างมากพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ ตะโกนเรียกชื่อภรรยา และเห็นเงาคล้ายรูปร่างของ ฉางเอ๋อ ในดวงจันทร์ที่สว่างไสวออกมา 

ต่อมาชาวบ้านจึงได้จัดพิธีไหว้ดวงจันทร์เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเทพธิดาฉางเอ๋อ ให้ช่วยคุ้มครองและปกปักรักษาให้ชีวิตอยู่เย็นเป็นสุข กลายเป็นที่มาของเทศกาลไหว้พระจันทร์ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 นั่นเอง

อีกหนึ่งเรื่องเล่าที่เป็นตำนานถูกเล่าขานถึงปัจจุบันนี้เช่นกัน คือ เรื่อง "กระต่ายหยกในพระจันทร์" เล่าต่อกันมาว่า วันหนึ่งเทพ 3 องค์ได้ตกลงกันว่า จะเปลี่ยนบรรยากาศจากความหรูหรางดงามบนสวรรค์มาเป็นการท่องเที่ยวบนพื้นโลก จึงแปลงกายเป็นคนชราเร่ร่อนสามคนเดินไปทั่วชนบท

เมื่อเทพทั้ง 3 เริ่มหิวจึงตัดสินใจว่า จะทดสอบความมีน้ำใจของเหล่าสัตว์โลกทั้งหลายดูจึงเดินเข้าไปขอแบ่งปันอาหารจาก กระต่าย สุนัขจิ้งจอก และลิง ซึ่งทั้งสุนัขจิ้งจอกและลิงต่างออกไปหาอาหารและนำอาหารมาให้เหล่าเทพได้จำนวนหนึ่ง

ขณะที่เจ้ากระต่ายกลับมามือเปล่าเพราะหาอาหารไม่ได้จึงขอร้องด้วยความเสียใจว่า ว่าให้กินตนเองแทน แล้วก็กระโดดเข้ากองไฟเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นอาหาร เทพทั้งสามรู้สึกซาบซึ้งอย่างมากในความมีน้ำใจของกระต่าย จึงส่งมันขึ้นไปอยู่กับ ฉางเอ๋อ บนพระจันทร์ และตั้งให้เป็นเทพกระต่ายหยกอาศัยอยู่ในวังจันทรา ทำหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะให้เหล่าทวยเทพบนสวรรค์จนทุกวันนี้

คืนนี้หากลองมองดูดวงจันทร์เราอาจได้เห็น เทพธิดาฉางเอ๋อผู้แสนงดงาม หรือ เจ้ากระต่ายหยกยืนปรุงยาอยู่บนดวงจันทร์ก็ได้