หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 1 ตุลาคม 2564
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดเล็กน้อย หลังจีนจะสั่งซื้อน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศ เนื่องจากขณะนี้จีนกำลังเผชิญวิกฤตพลังงานอย่างหนัก หลังจากรัฐบาลออกมาตรการให้ภาคอุตสาหกรรมใช้ไฟฟ้าแบบหมุนเวียนกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะภาคการผลิตของจีนที่หดตัวลงในเดือนก.ย.
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรล ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี หลังเฟดจะลดมาตรการเข้าซื้อพันธบัตร (QE) ในเดือน พ.ย.
นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 4 ต.ค. โดยคาดว่าการประชุมดังกล่าวซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับแผนการด้านอุปทานนั้น จะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ ประกอบอุปสงค์ของอินโดนีเซียที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากส่งออกจากเอเชียเหนือที่ปรับลดลงในช่วงการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่น ประกอบกับอุปสงค์ของเวียดนามและออสเตรเลียที่ปรับตัวดีขึ้น
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ก.ย.) ขานรับรายงานที่ว่า จีนจะสั่งซื้อน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศ โดยขณะนี้จีนกำลังเผชิญวิกฤตขาดแคลนพลังงานและส่งผลกระทบต่อภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคการผลิต
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 75.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 78.52 ดอลลาร์/บาร์เรล