นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะเดินทางไปร่วมพิธี Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม ณ โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ พร้อมกับโรงเรียนใน 12 เขตสุขภาพทั่วไทย
ทั้งนี้ เพื่อให้กำลังใจน้องๆ นักเรียนที่จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ เป็นเข็ม 1 และยังจะได้เยี่ยมชมจุดฉีดวัคซีนและชมนิทรรศการโรงเรียนปลอดภัยของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ณ ภายในบริเวณพื้นที่จัดงาน
"นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับนักเรียน เยาวชน โดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อให้นักเรียนกลับมาใช้ชีวิตที่เรียนหนังสือในโรงเรียนโดยเร็วที่สุด"นายธนากรกล่าว
สำหรับ โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ เป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.) กรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษา ปีที่ 6 มีนักเรียนช่วงอายุระหว่าง 12-18 ปี ที่มีคุณสมบัติรับการฉีดวัคซีนจำนวน 799 คน สมัครใจฉีด 695 คน คิดเป็น 86.98% โดยจะเข้ารับการฉีดวัคซีนในวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคมนี้ 200 คน ที่เหลือจะทยอยฉีดวัคซีนนักเรียน เมื่อได้รับการจัดสรรในรอบต่อๆไป
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ได้กำหนดแผนให้นักเรียน นักศึกษา ทุกสังกัด ที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี จำนวน 5,048,081 คน เบื้องต้นมีผู้ประสงค์จะฉีด 3.61 ล้านคน คิดเป็น 71.67% จะได้รับการฉีดวัคซีนสูตรไฟเซอร์ + ไฟเซอร์ ตั้งแต่ 4 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
โดยจะเริ่มฉีดให้กับสถานศึกษาในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ที่มีจำนวน 15,465 แห่ง ใน 29 จังหวัดก่อนและจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากองค์การอาหารและยา(อย.) วัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ใช้สำหรับกลุ่มเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปี ขึ้นไป ในประเทศไทยคือ วัคซีนไฟเซอร์และ วัคซีนโมเดอร์นา ซึ่งมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก
นอกจากนี้ หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ แคนาดา อินโดนีเซีย ฯลฯ ยังได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์สำหรับกลุ่มเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไปแล้ว
“นายกรัฐมนตรีกำชับการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กนักเรียน เยาวชน รวมไปถึงการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรภายในโรงเรียนทุกระดับ เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับนักเรียน เยาวชนให้มากที่สุด”นายธนกรกล่าว
ขณะเดียวกันก็ให้ ศธ. เร่งดำเนินการโครงการ Sandbox Safety Zone in School (SSS) สำหรับโรงเรียนที่มีความพร้อม โดยคาดหวังให้โรงเรียนกลับมาเปิดเรียน On Site ให้มากที่สุด เพื่อจะได้ลดความเครียดและข้อจำกัดของนักเรียนในการเรียนการสอนออนไลน์ด้วย