เกาะติดข่าวน้ำท่วม วันที่ 12 ต.ค.64 เวลา 09.40 น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง(กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุ “เตี้ยนหมู่” ซึ่งเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 7 ต.ค. 64 ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 33 จังหวัด ได้แก่
เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร เลย ขอนแก่น มหาสารคาม ชัยภูมิ ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม รวม 224 อำเภอ 1,189 ตำบล 8,099 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 331,440 ครัวเรือน
สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 19 จังหวัด (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พิจิตร เพชรบูรณ์ ตาก กำแพงเพชร บุรีรัมย์ นครปฐม ยโสธร สุรินทร์ เลยศรีสะเกษ สระแก้ว จันทบุรี ปราจีนบุรี ชัยนาท อุทัยธานี ชัยภูมิ)
มีผู้เสียชีวิต 14 ราย (ลพบุรี 11 ราย เพชรบูรณ์ 2 ราย ชัยนาท 1 ราย)
ยังคงมีสถานการณ์ 14 จังหวัด รวม 64 อำเภอ 376 ตำบล 1,995 หมู่บ้าน 101,923 ครัวเรือน ดังนี้
1. สุโขทัย น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอศรีสำโรง และอำเภอคีรีมาศ ระดับน้ำลดลง
2. พิษณุโลก น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังทอง อำเภอพรหมพิราม และอำเภอบางระกำ ระดับน้ำลดลง
3. ขอนแก่น น้ำท่วมขังในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแวงน้อย อำเภอแวงใหญ่ อำเภอโคกโพธิ์ชัย อำเภอชนบท อำเภอมัญจาคีรี อำเภอพระยืน อำเภอบ้านแฮด อำเภอบ้านไผ่ และอำเภอเมืองขอนแก่น ระดับน้ำลดลง
4. มหาสารคาม มวลน้ำจากจังหวัดขอนแก่นไหลเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโกสุมพิสัย อำเภอกันทรวิชัย และอำเภอเมืองมหาสารคาม ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
5. นครราชสีมา น้ำท่วมขังในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนสูง อำเภอพิมาย อำเภอคง อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอประทาย อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอชุมพวง อำเภอเมืองยาง ระดับน้ำลดลง จังหวัดได้จัดตั้งจุดอพยพ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนสูง และอำเภอแก้งสนามนาง ผู้อพยพ 47 คน
6. อุบลราชธานี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ ระดับน้ำลดลง จังหวัดได้จัดตั้งจุดอพยพ 25 จุด รวม 87 ครัวเรือน 377 คน
7. นครสวรรค์ น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอพยุหะคีรี และอำเภอโกรกพระ ระดับน้ำลดลง
8. ลพบุรี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองลพบุรี อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอโคกสำโรง ระดับน้ำลดลง
9. สระบุรี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสระบุรี
อำเภอเสาไห้ อำเภอหนองโดน อำเภอบ้านหมอ และอำเภอดอนพุด ระดับน้ำลดลง จังหวัดได้จัดตั้งจุดอพยพ 6 จุด รวม 290 ครัวเรือน
10. สุพรรณบุรี ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง ระดับน้ำทรงตัว
11. สิงห์บุรี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอพรหมบุรี และอำเภอท่าช้าง ระดับน้ำทรงตัว
12. อ่างทอง น้ำท่วมขังในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอไชโย อำเภอป่าโมก อำเภอวิเศษชัยชาญ และอำเภอสามโก้ ระดับน้ำทรงตัว
13. พระนครศรีอยุธยา น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 12 อำเภอ ได้แก่ อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอท่าเรือ อำเภอมหาราช อำเภอนครหลวง อำเภอบางปะหัน อำเภอบางซ้าย และอำเภอภาชี ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย คลองโผงเผง และคลองบางบาล ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำ ระดับน้ำทรงตัว
14. ปทุมธานี น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ริมน้ำ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก ระดับน้ำลดลง
ภาพรวมสถานการณ์ปัจจุบันหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ อยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำ ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยสำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
สำหรับประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง