“นิพนธ์”สั่ง“ปภ.-ผู้ว่าฯ”เตรียมพร้อมรับมือพายุคมปาซุ

12 ต.ค. 2564 | 09:30 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ต.ค. 2564 | 16:36 น.

“นิพนธ์”สั่ง “ปภ.-ผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ” เตรียมพร้อมรับมือ "พายุคมปาซุ” พร้อมแจ้งเตือนให้ประชาชนติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด เมื่อเกิดเหตุพร้อมช่วยเหลือทันที

วันนี้ (12 ต.ค.64) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่กำกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงการติดตามสภาพอากาศร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (12 ต.ค. 2564) พายุโซนร้อนกำลังแรง “คมปาซุ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 13-14 ตุลาคม 2564

 

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นอาจสูงมากกว่า 3 เมตร

                             “นิพนธ์”สั่ง“ปภ.-ผู้ว่าฯ”เตรียมพร้อมรับมือพายุคมปาซุ

นายนิพนธ์ กล่าวว่า การเตรียมการรับมือสถานการณ์พายุ "คมปาซุ" นั้น ได้สั่งการไปยังอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยของกรมปภ.ที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมงในการช่วยเหลือประชาชนหากได้รับผลกระทบจากพายุ 

 

พร้อมทั้งกำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  อาสาสมัคร พร้อมทั้ง ประสานการปฏิบัติงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกพื้นที่เสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายจากพายุให้อยู่ในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนได้ทันเหตุการณ์หากเกิดความรุนแรงจากผลกระทบ

 

อย่างไรก็ตาม การติดตาทสถานการณ์ในพื้นที่ก็ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยใช้การสื่อสารทุกรูปแบบ ทั้งการกระจายข่าวผ่านทางหอกระจายข่าวหมู่บ้าน การแจ้งเตือนภัย ผ่านแอพพิเคชั่นและไลน์ ดังนั้นยืนยันว่าทุกฝ่ายได้เตรียมความพร้อมเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนในส่วนนี้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ

 

 

 

“กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัด ทุกหน่วยปฏิบัติ ให้ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุที่ได้ซักซ้อมอยู่เป็นประจำ และเตรียมการอพยพตามแผนที่ต้องมีความพร้อม ทั้งเรื่องสถานที ปลอดภัย อาหาร น้ำดื่มที่สะอาด การดูแลปฐมพยาบาล ตลอดจนการตรวจตราความเรียบร้อยไม่ให้ทรัพย์สินที่ยังอยู่ในบ้านเรือนที่อพยพมาเกิดการสูญหาย ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งสายด่วนสาธารณภัย โทร. 1784 เพื่อขอความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง” นายนิพนธ์ กล่าว