15 ตุลาคม 2564 จากอิทธิพลพายุโซนร้อน คมปาซุ ทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำป่าสักในช่วงวันที่ 15 - 21 ตุลาคม 2564 เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ว่า ได้ปรับการระบายน้ำในอัตราอยู่ระหว่าง 300 - 450 ลบ.ม./วินาที เพื่อควบคุมระดับน้ำเเละปริมาณน้ำในเขื่อนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพน้ำฝน-น้ำท่า ทั้งบริเวณเหนือเขื่อนและด้านท้ายเขื่อน
ส่วนปริมาณน้ำที่ระบายเพิ่มขึ้น จะใช้ระบบชลประทานฝั่งตะวันออกตอนล่างรับน้ำ ก่อนระบายลงสู่แม่น้ำบางปะกงและทะเลอ่าวไทยตามลำดับ จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักด้านท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย สำหรับระดับน้ำในวันนี้ (15 ต.ค.2564) มีดังนี้
ด้านแม่น้ำลพบุรี ระดับน้ำที่ไหลผ่านในพื้นที่ อ.เมืองลพบุรี และ อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา ลดลงเฉลี่ยวันละ 5 – 10 เซนติเมตร ขณะที่เขื่อนพระราม 6 ระบายน้ำในอัตรา 304 ลบ.ม./วินาที
ด้านสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ระดับน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ มีดังนี้
เขื่อนเจ้าพระยา ปรับการระบายน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 2,361 ลบ.ม./วินาที (เพิ่มขึ้น 47 ลบ.ม./วินาที)
ส่วนสถานการณ์น้ำในคลองชัยนาท-ป่าสัก ที่ ต.พุคา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของทุ่งฝั่งตะวันออก ระดับน้ำลดลงกว่า 1.50 เมตร สามารถใช้เส้นทางสัญจรภายในหมู่บ้านได้แล้ว ขณะที่ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ และ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เกิดฝนตกหนัก และหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติม จะทำการเร่งระบายน้ำ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ต่อไป
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้เตรียมพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยง พร้อมเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำและริมน้ำ ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา