ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยว่าผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง เปิดประเทศ ฟื้นเศรษฐกิจ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ พบว่า ส่วนใหญ่ 76.9% เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีที่เลือกตัดสินใจในจุดที่เหมาะสมควบคุมโรคไปพร้อมกับการเดินหน้าปากท้อง ขณะที่ 73.9% เชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ไทยในการจัดหาและกระจายฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างทั่วถึงภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ 71.8% พอใจต่อการตัดสินใจของรัฐบาลในการเปิดประเทศ จากการแถลงการณ์นายกรัฐมนตรี ส่วน 71.7% เชื่อมั่นเพิ่มขึ้นหลังจากรัฐบาล สามารถเดินหน้าเปิดประเทศใน 120 วัน และ69.7% เห็นด้วยกับการเปิดพื้นที่นำร่องที่ผ่านมา สู่การขยายเปิดประเทศฟื้นเศรษฐกิจเดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน
ขณะเดียวกัน ส่วนใหญ่ 83.3% ดีใจและมีความหวัง ที่การทำธุรกิจ การค้า กลับคืนมา ส่วน 82.5% ไม่สนับสนุนการชุมนุมประท้วง ใช้ความรุนแรงและสร้างความแตกแยกของคนในชาติ, 82.2% ดีใจที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เปิดประเทศรับธุรกิจท่องเที่ยวเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่, 80.2% เห็นความสำคัญและพร้อมรับนักท่องเที่ยวจากการเปิดประเทศ, 79.5% ระบุเห็นด้วยที่ธุรกิจบันเทิง กึ่งผับกึ่งบาร์ ร้านอาหารสามารถเปิดให้นั่งและทำธุรกิจได้อีกครั้ง, 79.3% พร้อมสนับสนุนนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการ ธุรกิจบันเทิง และ 71.8% ชื่นชมความสำเร็จในการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขณะที่ ความต้องการการป้องกันวิกฤตซ้ำซ้อน พบว่า 93.4% ต้องการให้รัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนในทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดตามแนวชายแดน, 91.4% ต้องการให้ทุกหน่วยงานรัฐ เช่น ตรวจคนเข้าเมือง สาธารณสุข ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เข้มงวดขั้นสูงสุดควบคุมโรคกับต่างชาติผ่านเข้าออกชายแดน, 90.7% ต้องการให้ทุกคนรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมขั้นสูงสุดมากขึ้น และ 89.2% ต้องการให้ทุกคนจดจำบทเรียนวิกฤตโควิดและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น และร่วมมือกันควบคุมกดดันทางสังคมกับผู้ไม่รับผิดชอบ
"ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา ในการเปิดประเทศ ขณะเดียวกันต้องการความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมโดยรวมอย่างเคร่งครัดมากขึ้นไปพร้อมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตซ้ำซ้อนขึ้นอีกทั้งในวิกฤตการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 และวิกฤตเศรษฐกิจที่กระทบต่อค่าครองชีพและปัญหาปากท้องของประชาชน โดยผลสำรวจครั้งนี้ได้ค้นพบความรู้สึกที่ดีต่อมิติต่าง ๆ ของผลการตัดสินใจเปิดประเทศ เช่นดีใจที่ได้เห็นการทำธุรกิจ การค้า เริ่มกลับคืนมา ดีใจที่ได้เห็นรัฐบาล ผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสู่ช่วงเทศกาลท่องเที่ยวส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่"
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจอย่างต่อเนื่อง ยังพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนการชุมนุมประท้วงที่ไม่สร้างสรรค์ สร้างความแตกแยกของคนในชาติที่ใช้ความรุนแรง ส่งผลความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่ และทำลายบรรยากาศการฟื้นฟูประเทศ ซ้ำเติมปัญหาปากท้องค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งการเปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจและการควบคุมโรคจะสำเร็จได้ ด้วยการเห็นประโยชน์ร่วมกัน ร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกันรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมมากขึ้นของทุกฝ่าย