เกาะติด “วัคซีนไฟเซอร์นักเรียน” ล่าสุด มติคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) แถลงภายหลังการประชุมว่า เห็นชอบให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 2 ในเด็กชายอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ แต่ผู้ปกครองต้องรับข้อมูลข่าวสารและแสดงความประสงค์สมัครใจ ไม่เป็นการบังคับ
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการค่อนข้างมั่นใจในข้อมูลมากขึ้น แต่การติดตามผลข้างเคียงยังต้องเตือนผู้ปกครองเฝ้าระวังอาการ และแพทย์ที่ดูแลรักษา ให้มีการรักษาถูกต้องต่อไป ให้มั่นใว่า สธ. อนุฯ และรัฐบาลจะพยายามติดตามเรื่องนี้ วางมาตรการให้เกิดความรอบคอบรัดกุม
ส่วนประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีไฟเซอร์ ทั้งประสิทธิภาพป้องกันโรค การป่วยหนัก ลดภาวะMIS-C ลดเสียชีวิตจากโควิดประสิทธิภาพดีมากในการฉีด 2 เข็ม ซึ่งข้อมูลตรงกันทั่วโลก ที่ประชุมมีมติว่าควรให้ฉีดในเด็กได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งตรงกับที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) อนุญาตตั้งแต่การขึ้นทะเบียน และข้อแนะนำองค์การอนามัยโลกหรือฮูให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในผู้ที่อายุ 12 ปีขึ้นไปได้ แต่ขึ้นกับความประสงค์และความสมัครใจของผู้ปกครองและนักเรียนด้วย อย่าให้เป็นข้อบังคับในการที่จะต้องได้เรียนหรือไม่ได้เรียนหนังสือ
ขณะที่อาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ หลังฉีดวัคซีนmRNA เฉลี่ยประมาณ 6 ในแสนคน ถ้าเทียบกับติดโควิดแล้วเกิดหัวใจอักเสบ เกิดจากวัคซีนน้อย โดยสามารถหายได้เอง อาการน้อย กินยาแก้อักเสบก็หาย มีส่วนน้อยจำนวนหนึ่งป่วยเข้า รพ. เสียชีวิตมีแค่ 1 รายที่ชัดๆ เกิดจากวัคซีน
จากข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศในวันที่ 14 ต.ค. 2564 มีนักเรียนแสดงความประสงค์ต้องการฉีดวัคซีน 4.07 ล้านคน กรมควบคุมโรคได้ส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์สำหรับฉีดเข็มที่ 1 ในนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุ 12-17 ปี ให้กับสถาบันการศึกษาทั่วประเทศครบตามแผนการจัดสรร รวมถึงสนับสนุนวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ระบาดจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 3 ลอต รวม 4.5 ล้านโดส โดยลอตที่ 1 จำนวน 1.9 ล้านโดส ลอตที่ 2 จำนวน 1.5 ล้านโดส และลอตที่ 3 จำนวน 1.1 ล้านโดส อยู่ระหว่างการจัดส่ง