วันที่ 27 ตุลาคม 2564 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง, พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา, ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาและ องค์การเภสัชกรรม โดย ภก.กิตติ ระหงษ์ ผู้อำนวยการกองการขายภาคเอกชน ฝ่ายการตลาดและการขายร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงาน กรณีจับกุมเครือข่ายผู้ต้องหาลักลอบจำหน่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ยี่ห้อฟาเวียร์ทางสื่อออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ระดมตรวจค้นเป้าหมาย 8 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สระบุรี ปทุมธานี และนนทบุรี
สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 9 ราย พร้อมยึดยาฟาเวียร์ของกลาง จำนวน 390 กล่อง สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตารวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้ตรวจสอบพบการลักลอบจาหน่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ยี่ห้อฟาเวียร์ ทางสื่อออนไลน์ จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สืบสวนเส้นทางการลักลอบจาหน่ายยาดังกล่าว รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 9 ราย
ในวันที่ 26 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 หน่วยงานเข้าตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 8 จุด ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร สระบุรี ปทุมธานี และนนทบุรี สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ในกระบวนการลักลอบจำหน่ายยาฟาเวียร์ โดยไม่ได้รับอนุญาต จานวน 9 ราย ตรวจยึดยาฟาเวียร์ได้จำนวน 390 กล่อง โดยผู้ต้องหาส่วนหนึ่งให้การว่า ยาดังกล่าวได้มาจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งสั่งซื้อในนามโรงพยาบาลจากองค์การเภสัชกรรม แล้วนำออกมาจำหน่าย เพื่อหากำไร โดยมีราคาต้นทุนอยู่ที่ กล่องละ 1,600 บาท แต่เมื่อนำมาจำหน่ายทางสื่อออนไลน์สามารถจำหน่ายได้ในราคาถึงกล่องละ 4,000-8,000 บาท ซี่งทางเจ้าหน้าที่ตารวจได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมสืบสวนขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งขบวนการต่อไป
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท และ พระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ.2537 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด 19 ไม่ว่าจะเป็นยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และเครื่องมือแพทย์ ควรเลือกซื้อจากร้านขายยาหรือร้านขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ และขอเตือนผู้ที่ลักลอบจาหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้คุณภาพหรือไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. โดยเฉพาะการลักลอบจาหน่ายยาฟาเวียร์ทางสื่อออนไลน์ ให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที เพราะท่านกำลังทำให้ผู้ป่วยโควิดหรือผู้ที่จำเป็นต้องใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด เสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้องหรือเสี่ยงแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น หากตรวจพบจะดำเนินคดีถึงที่สุด ขอพี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่อง หากพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค
ภญ.สุภัทรำ บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข
รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวในตอนท้ายว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ ยี่ห้อฟาเวียร์ ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม มีข้อบ่งใช้สำหรับการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่เป็นสายพันธุ์ใหม่ หรือโรคอุบัติซ้ำจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เมื่อใช้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่ได้ผลหรือมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ เป็นยาควบคุมพิเศษที่ต้องสั่งจ่าย และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากต้องติดตามอาการข้างเคียงและผลการรักษาระหว่างการใช้ยา โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงจากผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้มีโรคประจำตัวต่าง ๆ จึงไม่สามารถ จำหน่ายให้กับประชาชนตามช่องทางทั่วไปได้ ซึ่งปัจจุบันเมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด 19 และเข้ารับการรักษาในระบบที่รัฐจัดเตรียมไว้ให้จะได้รับยาฟาวิพิราเวียร์อย่างทั่วถึงโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ขอย้ำว่า อย่าซื้อยาทางสื่อออนไลน์มารับประทานเองโดยเด็ดขาด การใช้ยาที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยาได้ง่าย ส่งผลให้ใช้ยาไม่ได้ผลเมื่อเกิดการติดเชื้อ เป็นเหตุให้ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด หากพบการลักลอบผลิต นำเข้า จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งมาที่สายด่วน อย. 1556