นาย เอียน โรเบิร์ตส์ รองประธานบริษัท ภูมิภาคเอเชีย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพการเป็นฮับของการจัดงานการประชุมและงานแสดงสินค้าในระดับภูมิภาค เพราะแม้จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ก็สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยในปี 2563 อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทยสามารถสร้างสัดส่วนรายได้มากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ จากรายได้รวมหมดทั้งภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้คาดหวังว่าจะเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจการจัดแสดงสินค้าให้กลับสู่ภาวะปกติได้อีกครั้ง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกเริ่มคลี่คลาย และมีการปลดล็อกการเดินทางระหว่างประเทศในหลายประเทศทั่วโลก ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจการจัดงานประชุม นิทรรศการและงานแสดงสินค้าในประเทศไทยคาดว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2566 ซึ่งอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ตั้งเป้ารายได้จากการจัดงานต่างๆ ในประเทศไทยจะกลับสู่ภาวะปกติได้อีกครั้งภายในปี 2566 เช่นกัน
“ ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งสถานการณ์จะขึ้นอยู่กับการเดินทาง หลังประเทศต่าง ๆ เริ่มปลดล็อกให้เดินทางไปมาระหว่างกันและจะทำให้ธุรกิจกลับสู่การฟื้นตัว และกลับสู่จุดเดิมที่เคยเป็นได้อีกครั้งภายในปี 66 โดยประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่แข็งแกร่งมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางงานแสดงสินค้าในระดับภูมิภาค เนื่องจากในปีหน้าจะมีศูนย์การประชุมขนาดใหญ่พร้อมรองรับการจัดงานระดับนานาชาติถึง3แห่ง และยังมีศักยภาพความพร้อมด้านต่างๆทั้งหมดนี้ทำให้เราเชื่อมั่นว่าหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายประเทศไทยจะยังเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมที่มีศักยภาพไม่เฉพาะแค่ในภูมิภาคอาเซียนแต่มีศักยภาพถึงระดับภูมิภาค”
นาย เอียน กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯได้วางเป้าหมายธุรกิจ มุ่งสู่การเป็น Smart Event Organizer โดยบูรณาการการจัดงานรับเทรนด์ใหม่ของโลก เดินหน้าจัดงานแบบไฮบริดแพลตฟอร์ม ซึ่งยังคงให้ความสำคัญกับการจัดงานแบบออนไซต์ ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการจัดงานผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกและคล่องตัวตามแบบชีวิตวิถีใหม่
"การจัดงานแบบปกติและออนไลน์จะต้องควบคู่กัน นั่นหมายถึง ผู้ร่วมออกงานและผู้มาชมงานได้กำไรสูงสุด ตรงจุดนี้เองถือเป็นความท้าทายของทีมงานที่จะก้าวข้ามความพยายามในการรับมือกับการทำงานในรูปแบบใหม่ เพื่อมุ่งสู่การเป็น Smart Event Organizer ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด"
ขณะเดียวกัน เตรียมสยายปีกเพื่อนำงานระดับโลกมาปักหมุดจัดที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งจะเสริมความแกร่งร่วมกับ 10 งานใหญ่ของอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทยที่จัดเป็นประจำทุกปี อาทิ งาน Cosmoprof CBE ASEAN งานจัดแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงาม ,งาน Jewellery and Gem ASEAN Bangkok งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับแห่งภูมิภาคอาเซียน
"เรามั่นใจว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางในการเป็นฮับของอุตสาหกรรมนี้ในภูมิภาคได้อย่างแน่นอน "
นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงขึ้นในปีนี้ ทำให้บริษัทฯได้ปรับการจัดงานเป็นรูปแบบไฮบริดที่มีทั้งออนไซต์ (Physical Event) และออนไลน์ โดยปีนี้ได้จัดสัมมาออนไลน์ร่วม 80 หัวข้อ การจับคู่ธุรกิจออนไลน์ 6 ครั้ง และกิจกรรมทางด้านดิจิทัลอื่นๆกว่า 12 ครั้ง
ส่วนในปี 2565 บริษัทเตรียมเดินหน้าจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบออนไซต์ (Physical Event) ผนวกเข้ากับความล้ำหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัล (Virtual Event) เพื่อก้าวสู่การจัดงานในรูปแบบ Smart Event อย่างเต็มสูบ นอกจากนี้ยังมีแผนขยายงานออกไปในภูมิภาคต่างๆ อาทิงาน MIRA (Maintenance Industrial Robotic and Automation Event) งานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมของอุตสาหกรรมซ่อมบำรุง หุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระบบอัตโนมัติ และโซลูชัน เพื่อเจาะกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมภายในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่ใหญ่ครอบคลุม 3 จังหวัดเศรษฐกิจ และเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการเติบโตมากที่สุดของประเทศไทยอีกด้วย