จากกรณีที่ ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ ภาคใต้ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ออกประกาศฉบับที่ 1/2564 เรื่อง "เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งลุ่มแม่น้ำโก-ลก และลุ่มน้ำบางนรา" เนื่องจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักมากบางแห่งในช่วงวันที่ 11 -15 พฤศจิกายน 2564 นั้น
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามประกาศดังกล่าวโดย กอนช. ได้ติดตามสถานการณ์พบฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ลุ่มน้ำโก-ลก มีปริมาณน้ำฝนสะสม 3 วัน ที่อำเภอแว้ง 160 มิลลิเมตร อำเภอสุไหงโกลก 63.6 มิลลิเมตร อำเภอสุไหงปาดี 63.8 มิลลิเมตร อำเภอจะแนะ 95 มิลลิเมตร อำเภอเจาะไอร้อง 50.2 มิลลิเมตร อำเภอระแงะ 118 มิลลิเมตร อำเภอยี่งอ 130.8 มิลลิเมตร และอำเภอเมืองนราธิวาส 66.2 มิลลิเมตร ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำบางนราและแม่น้ำโก-ลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ กอนช.ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ร่วมกับคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ พบพื้นที่เสี่ยงดังกล่าวยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง
จึงขอให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น เสี่ยงน้ำลันสูงกว่าตสิ่งประมาณ 0.30 – 1.50 เมตร ไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในจังหวัดนราธิวาส ช่วงวันที่ 19 -22 พฤศจิกายน 2564
ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อพื้นที่ทั้งในเขตชลประทาน และนอกเขตชลประทาน จึงได้สั่งการให้สำนักงานชลประทานที่ 17 และสำนักเครื่องจักรกล ติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ ปรับแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ พร้อมพิจารณาความเหมาะสมในการระบายน้ำในลำน้ำ/แม่น้ำให้สอดคล้องกับการขึ้น – ลงของระดับน้ำทะเล
ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงแนวคันบริเวณริมแม่น้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมรับน้ำหลากป้องกันน้ำท่วมให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ ทันที
ตลอดจนประสานกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์
ด้านนายเฉลิมชัย ตรีนรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 กล่าวว่า ปัจจุบันได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ (HYDRO FLOW) ไปแล้ว 6 แห่ง จากแผน 24 แห่ง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายภาคแดนใต้ เช่น ในพื้นที่อำเภอเมือง บริเวณคลองยะกัง ซึ่งจะช่วยเหลือครอบคลุมในเขตศูนย์ราชการจังหวัดนราธิวาส และเทศบาลเมืองนราธิวาส ซึ่งส่วนที่น้ำแบ่งพื้นที่อำเภอตากใบ มีการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 4 เครื่อง เพื่อสำรองไว้ใช้งาน
กรณีเกิดอุทกภัยในพื้นที่ ก็จะสามารถเดินเครื่องผลักดันน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเลอ่าวไทยต่อไป ส่วนจุดอื่นๆอีก 4 แห่ง เช่นที่ คลองลาน ก็ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ( HYDRO FLOW ) จำนวน 5 เครื่อง ที่ฟาร์มบ้านรอตันบาตู จำนวน 2 เครื่อง และที่ปิเหล็ง ติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่บ้านโคกสะตอ
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการพร่องน้ำในลุ่มน้ำสายหลักในเขตชลประทาน ให้เหลือ 50 % ของลำน้ำ เพื่อรับน้ำหากมีฝนตกลงมาเพิ่มก็จะสามารถเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้ ตลอดจนเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ อาทิ เครื่องผลักดันน้ำ เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ซึ่งมีการตรวจสอบการเดินเครื่องทุกแห่ง และสามารถใช้งานได้ทุกแห่ง