26 พฤศจิกายน 2564 จากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 รายงานว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยซึ่งจะมีผลกระทบตั้งแต่วันพรุ่งนี้ วันที่ 27 พฤศจิกายน ไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 นี้นั้น
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ที่รายงานว่าจะมี ฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรง บริเวณอ่าวไทย โดยจะมีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 27 ถึงวันที่ 30 พ.ย.2564 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง
ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้รวมทั้งอ่าวไทยยังมีคลื่นสูงประมาณ 2 -3 เมตร ในบริเวณที่ฝนตกหนักด้วย
นายธนกร ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการด่วนให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมอย่างเต็มรูปแบบเพื่อรับมือกับสถานการณ์ โดยเน้นให้เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เตรียมกำลังพล เครื่องจักร อุปกรณ์ และระบบสื่อสาร พร้อมให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบภัย ตลอด 24 ชม. และขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา อย่างใกล้ชิดด้วย
ทั้งนี้ ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาฉบับที่ 1 เรื่อง "ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย (มีผลกระทบจนตั้งแต่วันที่ 27-30 พฤศจิกายน 2564)"
ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้
ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง