นายกฯยืนยัน ยังคงการตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ไว้เช่นเดิม ป้องกัน"โอไมครอน"

30 พ.ย. 2564 | 07:04 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ธ.ค. 2564 | 17:20 น.

นายกฯ ยืนยัน ยังคงการตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ไว้เช่นเดิม เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน

วันนี้ (30 พฤศจิกายน 2564) เวลา 13.20 น. บริเวณทางเชื่อมตึกสินติไมตรีและตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกรณี ศบค. มีมติเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 64 เตรียมปรับวิธีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สำหรับนักเดินทางชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาจากประเทศที่เข้าข่ายยกเว้นการกักตัว 63 ประเทศ/พื้นที่ หรือนักท่องเที่ยวรูปแบบ Test & Go จาก RT-PCR เป็นการตรวจแบบ ATK แทน

 

โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะยังคงใช้วิธีการตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ไว้เช่นเดิม ตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน

 

 

ด้าน นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม.ว่า ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้ใช้วิธีตรวจเชื้อโควิดแบบ RT-PCR กับผู้เดินทางเข้าประเทศเหมือนเดิม ซึ่งทางปฏิบัติยังใช้วิธีนี้อยู่ มติศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ให้ใช้การตรวจแบบ ATK แทน RT-PCR จะไม่มีผลบังคับวันที่ 16 ธ.ค.

 

ดังนั้นเราจะใช้วิธีตรวจแบบ RT-PCR จนกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง จากนี้จะตรวจอย่างเข้มข้นมากขึ้น

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ห่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกกลับมาระบาดซ้ำ โดยเฉพาะเชื้อโควิดกลายพันธุ์ ตัวใหม่ "โอไมครอน" ที่ทั่วโลกยังมีความกังวล ที่พบในทวีปแอฟริกาตอนใต้

 

พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังและกลั่นกรองเป็นพิเศษไม่ให้เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เข้าประเทศไทยได้ และมีมาตรการห้าม 8 ประเทศ ที่มีการพบและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ดังกล่าวเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว ได้แก่ บอตสวานา เอสวาตีนี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย ซิมบับเว แอฟริกาใต้

 

ขณะเดียวกัน รัฐบาลเร่งเดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับทุกคนทุกพื้นที่ ซึ่งสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งการฉีดวัคซีน สู่เป้าหมาย 100 ล้านโดส และขอเชิญชวนประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน ร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ตั้งการ์ดป้องกันเชื้อโควิด-19 พร้อมขับเคลื่อนรับการเปิดประเทศต่อไป