วันที่ 8 ธ.ค.64 พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.ช่วงหนึ่งว่า ขณะนี้มีการรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนทั่วโลกแล้ว 56 ประเทศ ซึ่งยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
โดยในส่วนของผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในไทยนั้น ขณะนี้มีทั้งหมด 3 ราย รายแรกเป็นชายอายุ 35 ปี สัญชาติอเมริกัน อาศัยอยู่ที่สเปนเป็นเวลา 1 ปี อาชีพนักธุรกิจ ไม่มีโรคประจำตัว เดินทางคนเดียว (ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ) ได้เดินทางเข้าถึงไทยวันที่ 1 ธ.ค.2564 ซึ่งมีผู้สัมผัสทั้งหมด 17 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม
วันนี้มีรายงานเพิ่มขึ้นอีก 2 ราย รายที่ 2 และ 3 ที่มีการรายงานล่าสุด เป็นล่ามซึ่งมีทั้งหมด 3 คนที่เป็นคนไทย ได้เดินทางไปประชุมเป็นตัวแทนคริสตจักรที่ประเทศไนจีเรีย ซึ่งมีผู้ที่เดินทางไปด้วยกันทั้งหมด 20 คน อีก 17 คน เป็นชาวต่างชาติ
โดยช่วงที่ไปประชุม คือ ช่วงวันที่ 13-23 พฤศจิกายน โดยรายที่ 2 และรายที่ 3 เป็นหญิงไทยอายุ 36 ปี และ 46 ปี สำหรับคนไทยอีก 1 ราย เมื่อประชุมเสร็จได้เดินทางไปสวีเดน เฉพาะนั้นได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยแค่ 2 ราย ซึ่งทั้ง 2 รายได้ตรวจด้วยวิธี RT-PCR ที่ไนจีเรียในวันที่ 21 พฤศจิกายน ก่อนเดินทางกลับมาที่ไทย ผลการตรวจเป็นลบ
ในขณะที่กำลังจะเดินทางกลับมา คือ ในวันที่ 23 พฤศจิกายน และเริ่มมีอาการเจ็บคอเล็กน้อย ไอ เมื่อถึงประเทศไทยในัวที่ 23 พฤศจิกายนก็เข้าสู่ระบบการกักตัวทันที เนื่องจากว่า ทั้ง 2 ราย ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และไม่ได้มาจาก 63 ประเทศต้นทาง เมื่อเข้าสู่ระบบการกักตัว ก็ได้รับการตรวจ RT-PCR ในวันแรกที่มาถึงผลตรวจเป็นบวกทั้งคู่ จึงย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลจนครบกำหนดในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา
แต่เนื่องจากว่าวันที่ 26 พฤศจิกายน องค์การอนามัยโลก(WHO) ประกาศให้โอมิครอนเป็นสายพันธ์ุที่น่ากังวล จึงได้มีการนำตัวอย่างของ 2 รายนี้ที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกามาตรวจเพิ่มเติม ผลพบว่า มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะติดเชื้อโอมิครอน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ 3 ถอดรหัสพันธุ์กรรม เพื่อที่จะยืนยันว่าเป็นโอมิครอน ผลจะออกภายใน 1-2 วันนี้
พญ.สุมนี กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่มีเชื้อโอมิครอน ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านคุมเข้มมาตรการส่วนบุคคล สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพราะเชื้อโรคไม่สามารถทะลุหน้ากากอนามัยออกมาภายนอกได้ รวมถึงขอให้ทุกคนเว้นระยะห่าง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ในไทยมีแนวโน้มดีขึ้น ทั้งผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตน้อยลง ถ้าทุกคนดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคก็จะทำให้เกิดการผ่อนคลายมากขึ้น
ทั้งนี้ ส่วนข้อมูลผู้เดินทางจากทวีปแอฟริกาของท่าอากาศ ตั้งแต่วันที่ 15-27 พ.ย. และ 15 พ.ย.-5ธ.ค. 2564 ใน กลุ่ม 8 ประเทศ Botswana Eswatini Lesotho Malawi Mozambique Namibia South Africa Zimbabwe พบว่า มีทั้งหมด 333 คน ออกจากประเทศ 55 คน ครบ 14 วัน 113 คน อยู่ระหว่างการกักตัวและติดตามมาได้ 152 คน
ส่วนที่ติดตามไม่ได้อีก 13 คน โดยคนที่ติดตามมาได้ 152 คน ผลการตรวจเป็นลบทั้งหมด ฉะนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจระบบสาธารณสุข ทั้งเรื่องมาตรการป้องกันการคัดกรอง ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ระบบในประเทศมีประสิทธิภาพ วินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็ว