นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ประสานกระทรวงคมนาคม บริษัทขนส่งทางบก(บขส.) เพื่อเตรียมการรองรับประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดย กรณีรถโดยสารที่ต้องใช้เวลาเดินทางเกิน 4 ชั่วโมงขึ้นไป ควรมีการตรวจ ATK ผู้โดยสารก่อนขึ้นรถทุกคน ขณะที่พนักงานจะต้องตรวจตามมาตรการอยู่แล้ว
สำหรับการตรวจใบรับรองการฉีดวัคซีนนั้น ถือเป็นพื้นฐานอยู่แล้วว่า การฉีดวัคซีน 2 เข็ม จะสร้างความปลอดภัย ซึ่งสธ.ไม่ได้บังคับว่า ต้องฉีดวัคซีนก่อนร่วมกิจกรรมต่างๆ แต่ผู้ประกอบการ อยากสร้างความปลอดภัยให้กับผู้มาใช้บริการในร้านแล้วจะมีข้อกำหนดตรงนี้ก็เป็นสิทธิของผู้ประกอบการที่จำดำเนินการได้
สำหรับสถานการณ์โควิดในไทยขณะนี้ ถือว่าค่อนข้างดี แต่ใกล้ปีใหม่คนทำกิจกรรมเยอะ จึงยังมีความเสี่ยงอยู่ ซึ่งสถานการณ์ที่ยอมรับได้หรือไม่ได้ ต้องดูที่ตัวเลขอย่างเดียว เพื่อดูศักยภาพของโรงพยาบาลในการรองรับผู้ป่วย ผู้ป่วยอาการหนัก ดูอัตราเสียชีวิตไม่สูงพุ่งมาก ขณะนี้กำลังคำนวณการระบาดรอบใหม่แล้วว่า หลังปีใหม่การระบาดจะเป็นอย่าง คาดว่าสัปดาห์หน้าจะแล้วเสร็จ
นายแพทย์โอภาสกล่าวถึงโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนกำลังกระจายไปทั่วโลกว่า โอกาสจะเจอในไทยมากขึ้น เพราะมีคนเดินทางเข้าไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งไทยยังตรวจจับได้ ที่เจอตอนนี้ยังเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยได้ดำเนินมาตรการควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดในวงกว้าง ซึ่งความร่วมมือประชาชนสำคัญมาก ซึ่งหากตรวจพบโอไมครอนในประเทศไทย ก็เหมือนสายพันธุ์อื่น ถ้าไม่รุนแรงมาก ระบบสาธารณสุขรองรับได้ ก็ยอมรับได้
“ที่กังวลกันคือ เรื่องคนไข้ล้นรพ. ไอซียู ส่วนกิจการต่างๆ จะสังเกตว่า หลายประเทศไม่ได้ปิดประเทศแล้วประเทศที่เคยปิดก็กลับมาเปิดแล้ว หลายประเทศเชื่อว่า มาตรการปิดประเทศไม่ส่งผลดี ดังนั้นการปิดคงไม่ได้ปิดหมด แต่ก็ไม่ได้เปิดหมด มาตรการสำคัญคือการฉีดวัคซีนป้องกัน รวมถึงเข็ม3 มาตรการโควิดฟรีเซ็ตติ้ง ทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติตามคำแนะนำ”นายแพทย์โอภาสกล่าว